โรม ถาม ทักษิณ ไปคุย “อันวาร์” ในฐานะอะไร แซะ ทำตัวเหมือนเป็นนายกฯ แนะ รัฐบาล แก้ปัญหา 3 จว.ชายแดนใต้ ควรตั้งผู้แทนไปเจรจา ไม่ใช่ใช้กลไก “แม้ว”
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2567 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเรือยอร์ชจาก จ.ภูเก็ต ไปเกาะหลีเป๊ะ เพื่อคุยนายดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซียว่า เวลาเรามีรัฐบาล มีฝ่ายค้าน หลักการคือฝ่ายค้านจะได้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
แต่ปัญหาคือการพบกันระหว่างนายทักษิณกับนายอันวาร์ เป็นการพบกันในฐานะอะไร เพราะนายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการหรือตามกฎหมายในรัฐบาลนี้เลย
“เราเห็นบทบาทของนายทักษิณ หรือมีการแสดงกิริยาที่ทำราวกับว่าตัวเองเป็นนายกฯ ซึ่งเราไม่เห็นการออกมาพยายามปฏิเสธของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือออกมาพูดในเชิงว่านายทักษิณไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่กลายเป็นว่าหลายๆ เรื่อง เหมือนกับทุกคนต้องไปรอนายทักษิณด้วยซ้ำว่า ตกลงนายทักษิณคิดอะไร รัฐบาลก็คิดอย่างนั้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นการพบกันระหว่างนายทักษิณกับนายอันวาร์ พูดกันตรงๆ คือ ยากมากที่เราจะรู้ได้ว่า ตกลงแล้วการพบกันครั้งนี้ มีวาระเรื่องสำคัญอย่างไร กลายเป็นว่าการอยู่หลังฉากของนายทักษิณ ทำให้การตรวจสอบของฝ่ายต่างๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทำได้ยากมาก
ตนก็อยากจะทราบ เพราะเรื่องที่เราติดตามอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ วาระอาเซียน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมาเลเซียก็เกี่ยวในแง่ที่ว่ามีคนมาเลเซียตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย สิ่งเหล่านี้เราเองก็อยากรู้ว่า มีการคุยกันหรือทำอะไรกัน
“วันนี้ภาพของคุณทักษิณจึงไม่ต่างอะไรกับล็อบบี้ยิสต์ ที่อยู่ในวงนอกของรัฐบาล แต่มีอิทธิพลในการที่จะทำในเรื่องต่างๆ ของรัฐบาลมาก จึงทำให้การทำงานของฝ่ายค้านตรวจสอบเรื่องนี้ทำได้ยากมากขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่านายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีการพูดคุยถึงประเด็นการแก้ปัญหาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอาเซียน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประเด็น คือ ถ้านายทักษิณเป็นนักวิชาการแล้วให้ความเห็นจากประสบการณ์ต่างๆ ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เราก็รู้ว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ซึ่งกลายเป็นสโลแกน
ดังนั้น กลายเป็นว่าวันนี้ที่นายทักษิณดำเนินการ เหมือนกับนายทักษิณทำในฐานะนายกฯ ด้วยซ้ำ โดยที่น.ส.แพทองธาร ก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดให้กับนายทักษิณ เมื่อเป็นแบบนี้เลยทำให้การตรวจสอบในหลายเรื่องยาก อย่างเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องระหว่างนายทักษิณกับมาเลเซียอย่างนั้นหรือไม่ ตนว่ามันไม่ใช่ แต่คิดว่ามีกลไกหลายส่วนที่จะต้องเข้าไปเกี่ยว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ดังนั้น การที่จะแก้ปัญหาเรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนคิดว่าสภาฯ มีสิทธิ์รู้ความเคลื่อนไหว ความคืบหน้า เพราะสภาฯ คือตัวแทนของประชาชน แน่นอนว่าบางเรื่องอาจจะนำมาเปิดเผยในที่สาธารณะไม่ได้ ซึ่งก็เข้าใจ แต่ก็ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายในการจัดการกับข้อมูลที่อยู่ในชั้นความลับ ซึ่งรูปแบบที่ทำกันอยู่เป็นแบบที่ไม่ได้มีกระบวนการทางกฎหมายรองรับเลย
อย่างไรก็ตาม เรื่องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการนำมาพูดคุยกันในสภาฯ เป็นระยะๆ อยู่แล้ว เพียงแต่รูปแบบที่กำลังทำอยู่ของนายทักษิณ จะให้ตำแหน่งว่าเป็นที่ปรึกษาของนายอันวาร์อะไรก็แล้วแต่ ตนคิดว่าเป็นรูปแบบที่อยู่นอกระบบ และทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบได้
ตนคิดว่าถ้ารัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาก็ไม่ควรจะใช้กลไกของนายทักษิณ ควรจะมีกลไกอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งผู้แทนที่จะไปเจรจา แล้วมีผลการเจรจาออกมาอย่างไรก็เอามาพูดคุยกัน
