ผกก.โรงพักเมืองลพบุรี สั่งย้ายดาบตำรวจพ้นงานจราจร พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบ ญาติหนุ่มถูกจับเมาแล้วขี่จยย. ร้องจับโหดยิงขู่ ซ้อมทำร้าย

จากกรณีญาตินายออย อายุ 32 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายดาบตำรวจ ของโรงพักเมืองลพบุรี ทำร้ายร่างกายนายออย ขณะถูกจับกุมข้อหาเมาสุราขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยญาติระบุ ขณะถูกจับกุมตำรวจนายนี้ทำร้ายร่างกายเตะเข้าที่อก และใช้อาวุธปืนยิงขู่ 2 เหตุเกิดริมถนนถนนสายนเรศวร-ป่าหวาย หมู่ 6 ต.ป่าตาล อ.เมืองลพบุรี วันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ญาติเห็นว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 30 ธ.ค.2567 ตำรวจนำตัวนายออย ผู้ต้องหาในคดี เมาแล้วขับจักรยานยนต์ ไปส่งศาลแขวงจังหวัดลพบุรี ศาลลงโทษจำคุก 2 เดือน 20 วัน ปรับ 4,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ญาตินำเงินเสียค่าปรับ 4,000 บาท หักค่านอนคุก 500 บาท

โดยนายออย มีสีหน้าอิดโรย บอกว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับเนื่องจากปวดศีรษะ ระบมตามลำตัว หลังถูกดาบตำรวจผู้ที่จับกุมใช้อาวุธปืนยิงขู่ ใช้ปืนตบศีรษะและกระทืบจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งยังหวาดผวา ใบรับรองแพทย์ยังระบุ โดนด้ามปืนตบที่ศีรษะ เป็นแผลฉีกขาดที่หน้าผาก ตนทำให้ญาติพี่น้องต้องเดือดร้อนเสียเงินค่าปรับ จากเมาแล้วขับถือเป็นบทเรียนราคาแพง แต่ที่รับไม่ได้ที่ถูกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กระทำเหมือนกับคนร้ายคดีอุจฉกรรจ์ ถูกตำรวจทำร้าย

วันเดียวกัน พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สภ.เมืองลพบุรี เรียกประชุมตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเวลาที่เกิดเหตุ จากนั้นเปิดเผยว่า เบื้องต้นพบเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า จึงเรียกตรวจผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ต้องสงสัย ว่าจะมีการดื่มสุราขณะขับขี่รถ หลังจากเป่าแอลกอฮอล์แล้วพบว่าเกินกว่าที่กำหนดถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ขณะกำลังควบคุมตัวนำตัวไปที่ สภ.เมืองลพบุรี ผู้ขับขี่วิ่งหลบหนีทำให้ตำรวจวิ่งไล่ตาม

“แต่ด้วยตำรวจมีลักษณะอ้วนวิ่งไม่ทัน ยอมรับว่าได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้นไป 2 นัด เพื่อให้ผู้หลบหนีหยุดวิ่งจนสามารถควบคุมตัวได้ มีการกระทบกระทั่งกันจนได้รับบาดเจ็บที่หน้าผาก ตำรวจนำตัวส่งไปรักษาที่รพ.พระนารายณ์มหาราชกลางดึก ทำให้ญาติติดใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่ามีการปฏิบัติเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ”

พ.ต.อ.จรินทร์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน จึงได้ให้ดาบตำรวจ ที่ก่อปัญหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนจราจร โดยให้มาปฏิบัติหน้าที่บนสถานีตำรวจก่อนจนกล่าวจะได้ข้อเท็จริงทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อผลของข้อเท็จจริงออกมา ถ้าพบว่ามีการกระทำผิดเกินกว่าเหตุจริง หรือเกินกว่าหน้าที่กำหนดไปหรือมีการทำร้ายประชาชนตามที่กล่าวอ้างก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของตำรวจ