สัมภาษณ์พิเศษ : นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดอกคุย ‘ข่าวสด’ ถึงการนำพรรคฝ่าวิกฤตปัญหาในปี 2568 ดังนี้

-ได้ฉายาจากสื่อทำเนียบรัฐบาลว่า “ประชาธิเป๋” ในฐานะหัวหน้าพรรคจะพัฒนาพรรคอย่างไร
ฉายาเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ ต้องถือว่าสื่อมวลชนให้เกียรติ ให้ความสนใจ ต้องดูว่าฉายาที่ได้มานี้มีที่มาที่ไปอย่างไรแล้วนำมาปรับตัวเอง ทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับองค์กรให้มากที่สุด ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจ

-คนยังมองการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยผิดอุดมการณ์ จะแก้ภาพตรงนี้อย่างไร
อุดมการณ์คืออะไร ต้องเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ถึงจะเรียกว่ามีอุดมการณ์ ไปถามสมาชิกพรรค ผู้นำท้องถิ่น ถามใครต่อใครที่เราไปแก้ปัญหาให้เขา ถ้ายังเป็นฝ่ายค้านอยู่แก้ได้หรือไม่
การเร่งรัดเอกสารสิทธิ์ทำกินให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตป่าจะเร็วกว่านี้หรือไม่ จะดำเนินการในหลายๆเรื่องได้เร็วอย่างนี้หรือไม่ ฉะนั้นต้องเอาเหตุผลมาคุยกันว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน อะไรจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กรคือพรรคของเราได้มากที่สุด
บอกว่าไปร่วมกับใครแล้วผิดอุดมการณ์ก็ย้อนไปดู ที่ผ่านมาเราจับมือกับทหารตั้งรัฐบาลก็บอกจำเป็น ไม่เห็นบอกว่าไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีหลักการเลย
ถ้าเราจะเดินไปข้างหน้าและตั้งเป้าหมายยึดผลประโยชน์ของชาติ ประชาชนและพรรคเป็นหลัก ถ้าบอกว่าไม่มีอุดมการณ์ ผมยอมไม่มีอุดมการณ์เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ตรงนี้ แต่อย่ามาบอกว่าต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อไปหากิน ความคิดอย่างนั้นต้องเกิดจากคนเลว

-จะเรียกศรัทธาจากผู้สนับสนุนหรือแฟนคลับกลับมาอย่างไร อันดับแรกเข้าไปเป็นรัฐบาลโดยพารคประชาธิปัตย์มี 25 เสียง ถ้าพูดกันตรงๆก็ไม่ครบ 25 เสียง สิ่งหนึ่งที่เราจะทำวันนี้คือทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เป็นรูปธรรมชัดว่าเราเข้าไปทำงานแล้วดีขึ้น ดีกว่าเดิม ดีกว่าที่เป็นอยู่นี่คือสิ่งที่ตั้งใจทำ
วันนี้ทุกคนต้องเห็นว่าเราทำงานคือภาระหน้าที่ในการเข้าร่วมรัฐบาล ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราทำดีขึ้นใช่หรือไม่ ถ้าทำได้ไม่ดีขึ้นถึงจะถือว่าตัดสินใจผิด ซึ่งให้ประชาชนเป็นคนตอบ
ส่วนการดำเนินการในส่วนของพรรคได้ตั้งคณะทำงานเพื่อไปฟื้นสิ่งต่างๆ ให้มีสมาชิกพรรคมากขึ้น มีสาขาพรรคที่มั่นคง มีการเตรียมความพร้อม เป้าหมายปี 2568 ต้องมีตัวแทนของพรรคทุกจังหวัด
ส่วนผู้สมัครสส.จะคัดจากคนที่อยู่กับพี่น้องประชาชน และผู้สมัครต้องพร้อมจริงๆ ถ้าไม่พร้อมไม่ให้ลง และต้องปรับเปลี่ยนด้วยการเพิ่มพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มากขึ้น การเปิดโอกาสให้คนนอกพรรคเข้ามาในพรรคง่ายขึ้นและมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะทำให้เป็นรูปธรรมในปี 2568

-มีการประเมินเลือกตั้งปี 2570 ประชาธิปัตย์อาจสูญพันธุ์
ไม่เป็นไร ไม่มีใครห้ามความคิดคนได้ ยิ่งเป็นคนที่มีอคติเป็นพื้นฐานก็ต้องมองลบอยู่แล้ว คนที่ไม่ให้โอกาสคนอื่นไปคิดเอาเองว่าเป็นคนประเภทไหน วันนี้ประชาธิปัตย์กำลังปรับตัว หลักการณ์อุดมการณ์ผมไม่มีวันทิ้ง
ผมโตมาจากประชาธิปัตย์และอยู่ประชาธิปัตย์ คนที่เคยบอกจะอยู่ประชาธิปัตย์จนวันสุดท้ายเห็นออกไปเยอะแล้ว
วันนี้แม้ผมต้องเจ็บตัวเพื่อประชาธิปัตย์แต่ให้พรรคยืนได้ผมก็พร้อม และไม่ได้พูดแต่ปาก ผมทำในสิ่งที่พูดและทำมาแล้ว ชัดเจนว่าทุกคนเห็น ไม่ได้ไปแอบๆทำ

-กระแสข่าวสส.อาจย้ายไปอยู่พรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้า
พูดกันตรงๆ ไม่ว่าพรรคไหนไม่มีใครรับประกันได้ แต่หวังว่าด้วยสิ่งที่เป็นหลักการของพรรค ด้วยการทำงานในมิตรภาพที่มีระหว่างกันก็ยังคิดว่าคนที่จะออกคงต้องคิดมาก
วันนี้สังคมโฟกัสมาที่เราพอสมควร ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถามว่ากังวลหรือไม่ เป็นห่วงบ้างแต่ไม่กังวล เป็นคนยอมรับความจริงว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่เป็นไร

-ที่ผ่านมามีคนดังๆ หรือสส.รุ่นเก่าเข้ามาอยู่กับประชาธิปัตย์บ้างหรือไม่
มีเข้ามาเรื่อยๆ และพยายามสร้างคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ดูได้จากการตั้งโฆษกพรรคเป็นคนรุ่นใหม่คือ น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร หลายคนบอกว่าต้องเอาคนรุ่นเก่า แต่ถ้าไม่ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนว่าเปิดพื้นที่ให้เขา พูดแต่ปากว่าจะเปิดพื้นที่ให้แต่ในทางปฏิบัติไม่มอบตำแหน่งหน้าที่การงานให้เขาเลย ใครจะมาอยู่
หลังจากนี้ในส่วนของสส.บัญชีรายชื่อ พรรคจะพยายามเอาคนรุ่นใหม่ คนที่ทุ่มเททำงานให้พรรคขึ้นมา ให้ได้มีโอกาสทำงานและได้เป็นสส.

-แสดงว่าบัญชีรายชื่อสส.จะไม่เรียงลำดับอาวุโสแล้ว
ผมเอาความอยู่รอดของพรรค มาอยู่ตรงนี้มีเดิมพันสูงคือความอยู่รอดของพรรค ถ้าพรรคไปไม่รอดเขากระทืบผมจมดิน ฉะนั้นผมต้องทำให้พรรคดีขึ้น อย่างน้อยที่สุดวันที่หยุดหรือไม่ได้เล่นการเมืองแล้วจะได้ไม่โดนตราหน้าว่าทำให้พรรคพัง

-ปี 2570 ประชาธิปัตย์ไม่สูญพันธุ์แน่
ยืนยันไม่มีทางสูญพันธ์ คนเอาอคติมาพูด บางคนประชาธิปัตย์ให้ทุกอย่างในชีวิต วันที่ไม่สบอารมณ์ก็ทำร้ายพรรค ลองใช้จิตสำนึกตรองดูแล้วกันว่าทำถูกหรือผิด ถ้ายังมีจิตสำนึกก็กลับตัวได้ เปลี่ยนแปลงได้
บอกกันเองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ของใครก็ต้องมาช่วยกันสร้าง หรือคิดว่าเป็นของตัวเองเลยไม่ยอมช่วย การเมืองถ้าใจไม่กว้าง เอาแต่อัตราตัวเอง มองแต่ผลประโยชน์ตัวเองเป็นตัวตั้งมันทำงานไม่ได้ องค์กรก็เสียหาย

-จะทำอย่างไรให้ประชาธิปัตย์เป็นเอกภาพ
ไม่เป็นเอกภาพตรงไหน ต้องแยกให้ออกถ้า สส. 21 คนไม่เป็นเอกภาพ ถึงจะบอกว่าไม่เป็นเอกภาพ แต่ 4 สส.เขาเป็นเอกภาพส่วนตัวเขาใครจะไปบังคับได้ เราได้แต่ทำงานให้เห็นว่าเราทำและทุ่มเทให้พรรคจริงๆ ทำให้เต็มที่ ส่วนท่านจะคิดอย่างไรไม่มีใครบังคับท่านได้ ท่านก็บังคับผมไม่ได้
วันที่ท่านทั้งหลายบริหารพรรค ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้ท่าน ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าที่ผ่านมาถ้าไม่มีผมท่านจะเป็นอย่างไร กล้าหรือไม่เอาใจมาพูดกันเลย แต่วันที่ผมเข้ามาบริหารเพื่อแก้ปัญหาให้พรรคกลับมาทำร้ายผม มีประโยชน์อะไร ทำร้ายผมก็เหมือนทำร้ายพรรค

-การเลือกตั้งท้องถิ่น 1 ก.พ.2568 ประชาธิปัตย์ส่งหรือสนับสนุนผู้สมัครหรือไม่
ถ้าในนามของพรรคไม่ได้ส่ง แต่ในส่วนของการส่งเสริมการสนับสนุนคิดว่านักการเมืองต้องดูแลพื้นที่อยู่แล้ว
ที่พรรคไม่ส่งผู้สมัครท้องถิ่นเพราะกำลังเตรียมความพร้อมภายในพรรค ต้องการให้พรรคพร้อมจริงๆ ถึงจะส่งผู้สมัคร ดังนั้นวันนี้ใครที่รับผิดชอบพื้นที่ไหนก็ดูแลพื้นที่ตรงนั้นไป เป็นเรื่องธรรมชาติของนักการเมืองอยู่แล้ว

-งานของ ทส.ที่ประสบความสำเร็จ
สิ่งหนึ่งที่เข้าไปแก้ปัญหาคือความขัดแย้งในพื้นที่ป่าทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
หลักการที่ให้นโยบาย คือ 1.ความล่าช้าคือความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง 2.การออกเอกสารสิทธิ์ทำกินตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) เราเร่งรัดได้ไวที่สุด
3.พื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดมีราษฏรเข้าไปอยู่เยอะที่ขาดคือสาธารณูปโภค วันนี้ได้ผ่อนปรนให้หน่วยราชการเข้าไปดูแลเรื่องสาธารณูปโภคต่างๆทั้งน้ำ ถนน ไฟฟ้า หลายแสนครอบครัวได้ประโยชน์ หลายล้านคนที่อยู่ในพื้นที่ป่าที่เราดำเนินการ และกำลังเก็บตกส่วนที่เหลือโดยจะเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)สันที่ 7 ม.ค.2568
ขณะที่ผลการจัดเก็บรายได้ของอุทยานแห่งชาติ 3 เดือนที่ผ่านมาเทียบกันปีต่อปี ปี 2567 จัดเก็บมากขึ้น 14-15 เปอร์เซนต์
ส่วนรายได้สวนสัตว์ “หมูเด้ง” ตัวเดียวเลี้ยงสวนสัตว์เขาเขียวได้เลย และต้องถือว่าหมูเด้งเป็นโอกาสและเป็นซอฟต์พาวเวอร์ซึ่งเราส่งเสริม ถือเป็นหน้าตาของประเทศ
ส่วนระบบน้ำ น้ำบาดาลปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 4,000 บ่อ และเราสร้างระบบประปาหมู่บ้านได้มาชดเชยการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคได้ดีที่สุด ตรงนี้รัฐบาลส่งเสริมและได้ของบกลางไปแล้วซึ่งจะทำเพิ่มขึ้นอีก ในพื้นที่ภัยแล้งเราจะใช้ระบบน้ำบาดาลขึ้นมาทำเป็นระบบน้ำประปา

-เศรษฐกิจปี 2568 น่าเป็นห่วงหรือไม่
พี่น้องระดับล่างยังมีปัญหา แต่รัฐบาลแจกเงิน 1 หมื่นบาท และล่าสุดครม.ผ่านเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ ตรงนี้เป็นตัวกระตุ้น เพราะเมื่อเงินเข้าสู่ตลาดและมีการใช้จ่ายเงินก็จะหมุนเวียน 2-5 รอบ จะเกิดแรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจขึ้น
หลังเจออุทกภัยรัฐบาลมีนโยบายเยียวยาเอสเอ็มอี พ่อค้ารายย่อย หรือพี่น้องเกษตรกร จะเป็นส่วนหนึ่งไปกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้เศรษฐกิจทั้งโลกก็เป็นปัญหา

-มีอะไรที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือในปี 2568
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องสำคัญ เราได้เตรียมตัวตั้งแต่ 2-3 เดือนที่แล้ว วันนี้เรื่องไฟป่าและจุดฮอตสปอตยังไม่มีปัญหา
เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา วันนี้เราเจอปัญหาแล้วจึงมีการเตรียมความพร้อม รัฐบาลอนุมัติงบกลางตั้งแต่การประชุมครม.สัญจรที่เชียงใหม่ เริ่มดำเนินมาตรการทันที ฉะนั้นคิดว่าสิ่งแวดล้อม สภาพพูมิอากาศจะดีขึ้น

-ปี 2568 ห่วงการชุมนุมของฝ่ายต้านหรือไม่ ตอนนี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
คิดว่ามีม็อบแน่แต่จะจุดติดหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ คนก่อม็อบก็ยังไม่รู้ว่าจะจุดติดหรือไม่ แต่หากเกิดขึ้นจริงรัฐบาลควรเอาความจริงไปชี้แจง
ถ้ารัฐบาลไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น สามารถตอบคำถามได้ อธิบายได้ ม็อบจะหมดแรงไปเอง แต่ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ อาจเป็นจุดที่ทำให้เขามีประเด็นเดินหน้าต่อ

-เชื่อว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่นอน
ยังตอบไม่ได้ แต่ผมหวังว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม