‘ภูมิธรรม’ ร่วม ประชุมรมว.กลาโหมอาเซียน (ADMM) ครั้งที่ 18 ถกรมว.กลาโหม ประเทศคู่เจรจา 19 – 22 พ.ย.67 ที่สปป.ลาว กำหนดแนวทาง ขับเคลื่อนความมั่นคงในภูมิภาค
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ASEAN DEFENCE MINISTER’S MEETING ( ADMM ) ว่า
เป็นกลไกการหารือที่สำคัญของรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ครั้งที่ 18 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พ.ย.67 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
การประชุม ADMM ถือว่าเป็นกรอบความร่วมมือที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค เนื่องจากเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้นำระดับสูง ฝ่ายกระทรวงกลาโหมของประเทศสมาชิกอาเซียน ทำความคุ้นเคย สร้างความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเป็นมิตร เพิ่มความไว้วางใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นกลไกที่ได้สร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคง อีกหลายด้าน อาทิ การพัฒนาขีดความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ การแพทย์ทหาร ความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้าย และการแพร่ขยายแนวคิดรุนแรง เป็นต้น
การประชุม ADMM เป็นกลไกหารือด้านการป้องกันประเทศระดับสูงของอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค สร้างความเชื่อมั่นและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศ 10 ประเทศในอาเซียนสาระสำคัญของการประชุมฯ
เพื่อยกระดับความร่วมมือทางทหารของอาเซียนให้เทียบเท่ากับความร่วมมือด้านการต่างประเทศและด้านเศรษฐกิจ ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และเลขาธิการอาเซียน (ปัจจุบันราชอาณาจักรกัมพูชาดำรงตำแหน่งอยู่)
สำหรับการประชุม ADMM ครั้งที่ 18 กับการประชุม ADMM-Plus ครั้งที่ 11 ที่ประชุมฯ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองโดยตระหนักถึงความท้าทายด้านความมั่นคงทั้งในปัจจุบันและอนาคตภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์การแข่งขันของประเทศมหาอำนาจและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และผลักดันความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา
รวมทั้งปฏิสัมพันธ์กับภาคีภายนอกภูมิภาคอย่างครอบคลุมและสมดุล เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนได้ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วม ของการประชุมฯ ว่าด้วยเรื่องของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อาเซียน-เครือรัฐออสเตรเลีย ครบรอบ 50 ปี และความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีครบรอบ 35 ปี รวมทั้งเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน (อย่างไม่เป็นทางการ)
ตลอดจนได้พบหารือทวิภาคีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเทศคู่เจรจาได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และเครือรัฐออสเตรเลีย รวมทั้งเลขาธิการอาเซียน ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้ประโยชน์ คือ 1.ทำให้มีการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการใช้ทรัพยากรทางทหาร เพื่อรับมือกับ ความท้าทายรูปแบบใหม่ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อสวัสดิภาพ และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน อาทิ การบรรเทาภัยพิบัติและการสนับสนุนทางการแพทย์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดรุนแรงสุดโต่ง เป็นต้น
2.การประชุม ADMM เป็นกลไกสำคัญของการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่น และความเป็นศูนย์รวม ของอาเซียน รักษาความเป็นมิตรและการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายอย่างสมดุล หลีกเลี่ยงการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ทำให้อาเซียนเป็นพื้นที่ซึ่งทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีปฏิสัมพันธ์อย่างสะดวกใจ เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนสามารถเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และการสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน อันจะส่งผลดี ต่อความมั่นคงปลอดภัย และการกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาค
และ3.การประชุม ADMM-Plus เสริมสร้างความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และระหว่างประเทศคู่เจรจาด้วยกัน ซึ่งภายใต้บริบทการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะระหว่างประเทศมหาอำนาจเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพ ความมั่นคง การอยู่ดีกินดีและการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและประชาชนในภูมิภาค
ซึ่งภายหลังการประชุมฯเสร็จสิ้น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่งมอบการเป็นประธาน การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) ในปี 2568 ให้กับมาเลเซียต่อไป