ปชน. แถลงหลัง กม.ห้ามตีเด็ก ผ่านสภา หวัง ปักหมุดสิทธิเด็ก-เปลี่ยนกระบวนทัศน์การเลี้ยงดู
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กทม.พรรคประชาชน แถลงภายหลังร่าง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่. … พ.ศ. … ผ่านสภาฯ ว่า ตนขอพูดแทนตัวเราเองในอดีต และขอเป็นตัวแทนเด็กในประเทศ และพูดแทนเด็กที่กำลังจะเกิดมาในประเทศนี้ทุกคน เพื่อที่ปักหมุดสิทธิของเด็ก สิทธิของคนที่มีอยู่แล้วตั้งแต่เกิด ซึ่งต้องขอแสดงความชื่นชมต่อสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญกับประเด็นของครอบครัวและเด็ก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคม การแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1567 (2)
น.ส.ภัสริน กล่าวต่อว่า เราพรรคประชาชน และผู้ยกร่าง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และคณะทุกคน ภาคประชาสังคม ได้ตั้งใจผลักดันกฎหมายนี้ ให้สำเร็จไว้เสมอมา จากถ้อยคำที่เปิดช่องโหว่ให้สามารถเดินการทารุณกรรมเด็ก แก้ไขไปเป็น “(2) ทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนหรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่ปลอดภัย
น.ส.ภัสริน กล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนกระบวนทัศน์การเลี้ยงดูเด็ก การเลี้ยงลูกเชิงบวก อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก โดยเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางของครอบครัว และยึดหลักการ The Best Interest of The Child แต่ยังตอกย้ำบทบาทสำคัญของบิดามารดา และผู้ปกครอง ในการอบรมเลี้ยงดูอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากความรุนแรง และเน้นการปกป้องคุ้มครองเด็กในทุกมิติ
อย่างไรที่ตาม กฎหมายมาตรานี้มาตราเดียว คงไม่อาจเพียงพอที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างครบวงจร รัฐยังมีภารกิจสำคัญในการสร้างพื้นที่ให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงการศึกษาที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย และการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจที่เหมาะสม
นอกจากนี้ รัฐต้องส่งเสริมสวัสดิการที่อำนวยให้บิดามารดาสามารถเข้าถึงบริการเลี้ยงดูเด็กที่มีคุณภาพได้อย่างครบวงจร เช่น การจัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เพียงพอ การลาคลอดและลางานเลี้ยงดูบุตรที่เหมาะสม ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนความเป็นอยู่ของครอบครัวในทุกระดับ
ในขณะเดียวกัน การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ “การเลี้ยงลูกเชิงบวก” จะช่วยสร้างความเข้าใจในครอบครัวว่าความรัก ความเคารพ และการสื่อสารคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก เป็นรากฐานของสังคมที่เอื้ออาทรและลดความรุนแรงลงได้
“ดิฉันเอง ขอไม่เรียกว่าเรื่องนี้ คือ ของขวัญ ที่ผู้ใหญ่ใช้เงินซื้อ และหยิบยื่นให้ในเทศกาลต่างๆ เป็นบางครั้งบางคราว เนื่องด้วยเทศกาลวันเด็ก ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติปีนี้ หากแต่เป็น ความระลึก หรือความตระหนัก ในความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันของเด็กๆ และ เราผู้ใหญ่ทุกคน ในทุกๆ ความสัมพันธ์ของชีวิต” น.ส.ภัสริน กล่าว
น.ส.ภัสริน กล่าวด้วยว่า การกิจของเรายังไม่สิ้นสุด เรายังคงต้องร่วมมือกันต่อไปในการสร้างระบบที่ปกป้องคุ้มครองต่อเด็กในทุกระดับ ทั้งในด้านกฎหมาย นโยบาย และการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของสังคม ขอให้วันนี้เป็นหมุดหมายที่ดีของการเปลี่ยนประเทศนี้ เพื่ออนาคตที่สดใสของเด็กและเราทุกคน เพราะเด็กในวันนี้ คืออนาคตของประเทศชาติในวันช้างหน้า