"สถานทูตไทย-สถานกงสุลใหญ่" ในต่างแดนพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม หลัง 23 ม.ค. 

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 68 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศสำหรับกรณีที่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ.2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค.68 ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องนี้ โดยจากการที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมายไทย รวมถึงจะทำให้สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยที่อยู่ในต่างประเทศ สามารถให้บริการรับจดทะเบียนสมรสสำหรับคู่สมรสเพศเดียวกันด้วยได้หลังจากวันที่ 23 ม.ค.ไปแล้ว ซึ่งเหมือนกับการจดทะเบียนที่ประเทศไทย ทั้งนี้ การจดทะเบียนสมรสของคู่เพศเดียวกันที่สถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยนั้น จะดำเนินการได้ในประเทศที่กฎหมายของเขาไม่มีข้อห้ามเรื่องนี้ ส่วนกระบวนการจดทะเบียนสมรสดังกล่าวยังเป็นไปตามขั้นตอนและใช้เอกสารหลักฐานแบบเดียวกับการจดทะเบียนสมรสสำหรับคู่ชาย-หญิง

ต่อข้อถามว่าหลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในไทยแล้ว จะส่งผลดีต่อประเทศเราอย่างไรบ้าง นายรัศม์ กล่าวว่า จะทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น นานาชาติแสดงความชื่นชมต่อการที่ไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งแสดงถึงการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของประชาชนทุกคนในสังคม ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศแรกในเอเชียที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ นอกจากนี้ ไทยยังมีการจัดงานบางกอก ไพรด์ (Bangkok Pride) ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย และต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจอื่นๆด้วย อาทิ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจจัดงานแต่งงาน เพราะเมื่อชาวต่างชาติเดินทางมาจดทะเบียนสมรสและจัดงานแต่งงานในไทยแล้ว ก็จะไปท่องเที่ยวในประเทศเราด้วย ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศ พร้อมกับทำให้ภาพลักษณ์ของไทยได้รับการยอมรับของต่างประเทศมากขึ้น