อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม เจอสองข้อหาหนัก ม.112 หมิ่นมหาเถรสมาคม ปมไลฟ์สดลั่นวาจาดูหมิ่นเบื้องสูง จ่อโดนพ.ร.บ. คอมฯ เพิ่ม

วานนี้ (8 ม.ค.) นายทรงชัย เนียมหอม หรือ โอม ภปส. ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน เข้าแจ้งความดำเนินคดี อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ในข้อหาอาญามาตรา 112 กรณีไลฟ์สดลักษณะหมิ่นเบื้องสูง พร้อมนำคลิปดังกล่าวมามอบกับ พ.ต.อ.ทองศูนย์ อุ่นวงค์ รอง ผบก.ปอท. เพื่อเป็นหลักฐาน

นายทรงชัยกล่าวว่าไม่ได้แจ้งความคดีม. 112 กับประชาชนมานานหลายเดือนแล้ว เพราะไม่อยากให้ใครต้องมีคดีหรือต้องคดีอาญานี้ เนื่องจากคดี 112 ไม่ใช่คดีที่คนปกติทั่วไปจะถูกดำเนินคดีได้ ตนจึงขอเตือนคนที่เห็นคลิปต้นเรื่องของ อ.เบียร์ ว่าอย่าส่งต่อ ไม่งั้นอาจมีความผิดตามไปด้วย

ขณะที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่าในวันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 10.00 น. จะเดินทางที่สอบสวนกลางเพื่อแจ้งความกล่าวโทษเช่นเดียวกัน แต่ไม่ระบุว่าเป็นข้อหาอะไร

ต่อมาในวันเดียวกัน “อ.เบียร์” ได้ออกมาชี้แจงผ่าน ไทยรัฐทีวี ถึงกรณีดังกล่าวว่าคลิปดังกล่าวถูกตัดต่อ เอามาไม่หมด จึงไม่รู้ว่าตอนนั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ซึ่งตัวคลิปก็เป็นไลฟ์ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 67 แล้ว โดยต้นเรื่องคือช่วงนั้นมักมีหมอดูมาท้าตนดีเบตประเด็นธรรมะตามรายการเสมอ

ตนจึงตอบสวนเหล่าหมอดูว่าจะมากันกี่คนก็ไม่สามารถล้มได้หรอก แต่คำว่าล้มในที่นี้หมายถึงสัจจะความจริงตามที่พระพุทธเจ้าท่านเคยกล่าวไว้เสมอว่า ใครก็ตามที่พูดตามหลักคำสอน จะไม่มีใครจะสามารถคัดง้างในคำของผู้นั้นได้ ดังนั้นจงเอาหลักตัวนี้และใครจะเถียงเธอไม่ได้ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้พูดเอง

วันนั้น “อ.เบียร์” จึงพูดไปว่า “xxxเอาxxไม่ได้หรอก xxxเอาล้มไม่ได้หรอก” เพราะสุดท้ายแบ็ค (Back) ที่ดีที่สุดคือพระพุทธเจ้าที่เป็นให้กับตน โดยคำกล่าวนี้หมายถึงพวกคนที่จะมาดีเบตกับตนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หมอดู สมณะ ฯลฯ เนื่องจากเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ของตนคือหลักการเหตุผลของพระพุทธเจ้า ซึ่งตนพูดเรื่องนี้บ่อยมาก

อีกทั้งพระพุทธเจ้ายังประกาศเองชัดเจนว่า พระองค์เป็นผู้อยู่เหนือโลกธาตุ ไม่มีใครใหญ่หรือเหนือกว่าไปได้ พระองค์ทรงเป็นสัตถา เทวมนุสสานัง ครูผู้สอนแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย แม้แต่ท้าวสหัมบดีพรหมยังก้มลงกราบพระพุทธเจ้าเรา แล้วใครจะใหญ่กว่าเหนือกว่า

ล่าสุด (9 ม.ค.) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อถึงการแจ้งความเอาผิด “อ.เบียร์” ข้างต้นว่าตนไม่ได้เดินทางมาแจ้งดำเนินคดีกับคนตื่นธรรมในประเด็นล้มละลายฉ้อโกงแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของทางนั้น ทว่ากลับมีทัวร์ลูกศิษย์มาลงที่ตนเยอะมาก เพราะก่อนหน้านี้ตนมีโอกาสอธิบายตามข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าวไป โดยมีทนายบางคนตีความผิดจนเกิดกระแสดราม่าตามมา

กลับมาที่ประเด็น “คนตื่นธรรม” วันนี้ตนมาแจ้งความดำเนินคดีเจ้าตัวกรณีมีพฤติกรรม หมิ่นคณะสงฆ์-มหาเถรสมาคม เนื่องจากไลฟ์สดลั่นวาจาตอบคำถามทางบ้านในสาระสำคัญว่า “xxx ไปโค่นล้มมหาเถรสมาคมไม่ได้หรอก เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ ไม่ใช่ด้วยพระธรรมนะ ด้วยอำนาจ ผมพูดแค่นี้แหละ ให้มาพิจารณาตามหลักธรรม

ใครพูดตามธรรม คนนั้นถูกต้อง ใครไม่พูดตามธรรมจะเอาคำนำหน้าเขาข่มขี่ xxx ไม่เห็นด้วย มหาเถรสมาคมทำตามพระธรรมพระวินัยก็มี แต่หลายอย่างที่ไม่ทำตามพระวินัย กระทำตามอำนาจหน้าที่ของตนที่ผิดจากหลักคำสอนหรือหลักพระวินัยของพระพุทธเจ้าก็มีเยอะแยะมากมาย”

อย่างไรก็ดี ตนได้รับทราบมาว่ามีคนที่เคารพรักท่านหนึ่งโทรศัพท์มาก่อนหน้านี้ว่าคนสอนธรรมรายนี้อยากมาหาเพื่อขอโทษ แต่ตนบอกไปว่ายังไม่ต้องมา หากอยากขอโทษจริง ให้ไปขอโทษมหาเถรสมาคม ประชาชน คณะสงฆ์แทน เพราะมีตัวอย่างแบบนี้เยอะแล้ว เดี๋ยวก็ไปสร้างคอนเทนต์อีกว่าเรายอม

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ในประเด็นความมั่นคงของประเทศอีกด้วย โดยในเคสนี้จะให้ตำรวจกองปราบฯ เป็นคนไปดำเนินการตรวจสอบว่าเข้าข่ายหรือไม่ต่อไป ดังนั้นตนจึงขอเรียนถึงพวกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ว่าตนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับคนตื่นธรรมแต่อย่างใด