จากกรณีที่ คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ขยายระยะเวลาเยียวยาน้ำท่วม 2567 ให้กับผู้ประสบภัยพิบัตน้ำท่วม จำนวน 16 จังหวัด ให้มาลงทะเบียนภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 ก่อนหมดสิทธิรับเงินเยียวยาน้ำท่วมจำนวน 9,000 บาท
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 3 พ.ย. 67 - 31 ธ.ค. 67
โดยจะต้องได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสองกรณี กรณีแรกคือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินเสียหาย และกรณีที่สองที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมเกิน 7 วัน ในกรณีที่ถูกน้ำท่วมหลายครั้งจะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว
ลงทะเบียนแบบ Onsite
นายวสันต์ ไชยทวีวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ประชาชนที่ประสบอุทกภัยที่เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม ตามมติ ครม.วันที่ 3 ธ.ค.67 แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนฯขอให้รีบดำเนินการลงทะเบียนฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ม.ค. 68 โดยผู้ที่จะลงทะเบียนฯ ขอให้ประเมินตนเองก่อน ว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์หรือไม่ เช่น บ้านที่อยู่อาศัยอยู่ในเขตการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินหรือไม่ หากอยู่ในพื้นที่ประกาศแล้ว เกิดน้ำท่วม มี 2 กรณีคือ น้ำท่วมไม่เกิน 7 วัน ต้องมีทรัพย์สินเสียหาย และกรณีน้ำท่วมเกิน7 วัน จึงจะสามารถลงทะเบียนได้ อีกทั้งผู้ประสงค์จะลงทะเบียน ต้องตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของตนเองว่าบ้านที่ตนเองอยู่อาศัย เป็นกลุ่มไหน เช่น บ้านตนเอง บ้านเช่า หรือบ้านไม่มีเลขที่ จากนั้นให้เดินทางไปลงทะเบียนที่ เทศบาลหรือ อบต.ที่ตนเองอยู่ หรือลงทะเบียนทางออนไลน์ จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 นี้เท่านั้น
หลังจากลงทะเบียนแล้ว ทางท้องถิ่นจะดำเนินการตามขั้นตอน โดยตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น จากนั้นนำเข้าประชาคม เมื่อผ่านการประชาคม จะนำส่งเข้าที่ประชุม ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ. ตามลำดับ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนจะมีการพิจารณาอย่างละเอียดและเข้มงวด เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ เป็นผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดนราธิวาสมีผู้ประสบอุทกภัยที่ผ่านการประชุม ก.ช.ภ.จ.นราธิวาส จำนวน 40,007 ราย แบ่งเป็นรอบแรก จำนวน 12,189 ราย ครั้งที่ 2 จำนวน 35,818 ราย ส่วนผู้ประสบภัยที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจาก ก.ช.ภ.จ. นราธิวาส แล้วพบว่ามีปัญหาขึ้นสถานะ “โอนเงินไม่สำเร็จ” ในส่วนนี้ขอให้ผู้ประสบอุทกภัยตรวจสอบว่าตนเองได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนไว้แล้วหรือไม่ และบัญชีดังกล่าวยังอยู่ในสถานะปกติหรือถูกปิดบัญชีไปแล้ว หากถูกปิดไปแล้วต้องไปยกเลิกการผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนบัญชีเดิม แล้วขอเปิดบัญชีใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ ปภ.โอนเงินเข้าบัญชีในรอบถัดไป.
ที่มา: ปภ. , ปภ.นราธิวาส