ชัชชาติ ชี้ กทม. ยังไม่เข้าเกณฑ์ประกาศเขตมลพิษต่ำ ย้ำต้องแดง 5 เขต ยิงยาวเกิน 3 วัน

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. แถลงมาตรการการจัดการฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 24 ชั่วโมง ที่ระบุไว้ว่าสภาพอากาศวันนี้ เป็นสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพทุกพื้นที่ และเป็นสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึง 3 เขต คือ เขตหนองแขม (94.2 มคก./ลบ.ม.), เขตบางบอน (76.8 มคก./ลบ.ม.), และ เขตธนบุรี (75.5 มคก./ลบ.ม.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวานนี้ ที่แดงเพียง 1 เขต เบื้องต้น คาดว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเกิดจาก การปล่อยไอเสียของรถยนต์ ประกอบกับสภาพอากาศปิด การเผาจากภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ช่วงปลายสัปดาห์นี้ (10 – 12 มกราคม 2568) สถานการณ์จะดีขึ้น  แต่จะกลับมาแย่อีกในวันที่ 13 มกราคม 2568 ซึ่งเรื่องที่ยังต้องกังวล คือ จุดฮอตสปอตที่จากการเผาในที่โล่งแจ้ง เนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่ามีการเผาในหลายพื้นที่มากขึ้นทั้งในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่พัดผ่านฝุ่นเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

นายชัชชาติกล่าวว่า สำหรับมาตรการในการลดฝุ่นของ กทม.มีการดำเนินการในหลายมาตรการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการด้านการติดตามเฝ้าระวัง อาทิ โครงการนักสืบฝุ่น, Risk Map, ระบบการส่งการแจ้งเตือน, เซ็นเซอร์ตรวจจับกว่า 1,000 จุด, การตั้ง War room ด้านการกำจัดต้นตอ อาทิ โครงการรถคันนี้ลดฝุ่น, การตรวจจับควันดำ, มาตรการเขตมลพิษต่ำ หรือ Low Emission Zone (LEZ), การตรวจคุณภาพอากาศเชิงรุก, การปรับปรุงพัฒนากายภาพเมือง ฟุตบาท ทางเท้า, รถอัดฟาง, การควบคุมมาตรฐานการก่อสร้าง ด้านการป้องกัน อาทิ ธงคุณภาพอากาศ, ห้องปลอดฝุ่น, ต้นไม้ล้านตัน, หน่วยแพทย์เคลื่อนที่, คลินิกมลพิษทางอากาศ และด้านการมีส่วนร่วม อาทิ การแจ้งร้องเรียนผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์, สภาลมหายใจ

เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ฝุ่นขณะนี้สามารถใช้มาตรการเขตมลพิษต่ำได้หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า จากสถานการณ์ณปัจจุบัน ยังไม่เข้าเกณฑ์ในการออกประกาศ เนื่องจากต้องเป็นสีแดง 5 เขตขึ้นไป ติดต่อกันเกิน 3 วัน ถึงยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะออกประกาศได้ ส่วนมาตรการ Work From Home กทม.ได้เชิญชวนหลายหน่วยงานเข้าร่วมเป็นเครือข่ายได้แล้วมากกว่า 25,000 คนโดย จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200,000 คน

สำหรับสถานศึกษาจะให้หยุดพักการเรียนการสอน หรือปิดโรงเรียน และให้เรียนออนไลน์แทนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารสถานศึกษา ขณะที่เรื่องการรณรงค์การลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เพราะรถยนต์มีความจำเป็นในการเดินทางทำธุระส่วนตัว รายการประกอบกิจการหรือธุรกิจ ซึ่งมาเป็นเรื่องยากที่จะขอให้ทุกคนงดการใช้ หรือเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าได้ ถึงดำเนินการเบื้องต้นได้แค่การรณรงค์ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศแทน เพราะทุกมาตรการต้องคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและความคุ้มค่า

“ส่วนเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา พบมีการเผา ปล่อยมลพิษในพื้นที่เขตหนองแขม ได้ส่งเจ้าหน้าที่เร่งเข้าตรวจสอบแล้ว ขณะที่การเผาในต่างจังหวัดต้องประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายการเร่งแก้ปัญหาต่อไป” นายชัชชาติกล่าว

ทั้งนี้ สำหรับรายงานผลตรวจวัดคุณภาพอากาศ ค่าฝุ่น PM 2.5 ของ กทม. ใช้ข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดในพื้นที่ ซึ่งมีจำนวน 70 เครื่อง โดยใช้มาตรฐานจากกรมควบคุมมลพิษ ส่วนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ gistda ใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียมในการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งอาจทำให้การแสดงผลของคุณภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน