แก๊งคอลเซนเตอร์ออกอุบายบังคับ ลูกสาวจัดฉากถ่ายคลิป ถูกทำร้ายส่งเรียกเงินจากพ่อแม่ ขู่ไม่ทำตามติดคุกทั้งครอบครัว ทำครอบครัวสูญเงินกว่า 3 แสนบาท
วันที่ 10 ม.ค.2568 ช่วงค่ำวานนี้ พ่อแม่พร้อมลูกสาว อายุ 21 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี หลังลูกสาวถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ ปปง. วิดีโอคอลข่มขู่ ให้ทำตามคำสั่ง โดยอ้างว่าลูกสาวไปเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีฟอกเงินในจังหวัดสุพรรณบุรี หากไม่ปฎิบัติตามจะมีความผิดตามกฎหมาย และถูกจับดำเนินคดีทั้งครอบครัว
ด้าน แม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวได้มาขอยืมมือถือตน อ้างว่าจะเอาไปใช้ถ่ายงานส่ง จึงให้ยืมไป โดยมือถือเครื่องดังกล่าวจะลิงค์กับไอแพดอีกเครื่อง หลังลูกสาวยืมไป ตนจึงเอาไอแพดมาเปิดเล่นแทน ระหว่างนั้นตนเห็นข้อความจากแอปธนาคารเด้งขึ้นมาว่า มีเงินในบัญชีถูกโอนออกไปครั้งละ 49,999 บาท จำนวน 3 ครั้ง ด้วยความตกใจจึงไปเคาะห้องเรียกลูกสาวมาสอบถาม แต่ลูกสาวเงียบไม่ยอมเปิดประตู จึงแอบฟังอยู่หน้าห้อง และได้ยินเสียง ลูกกำลังคุยมือถืออยู่กับใครสักคน ในลักษณะถูกบอกบท เหมือนจะให้ทำอะไรยังไงต่อ จนเมื่อลูกสาวเอามือถือมาขอให้ตนสแกนใบหน้า ตนจึงปฎิเสธไป เพราะเริ่มเอะใจแล้วว่า บุตรสาวน่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอยู่ โดยลูกสาวบอกว่า หลังเที่ยงคืนจะบอกความจริงทุกอย่าง เมื่อได้เงินทั้งหมดกลับคืนมาแล้ว
แม่ ยังเล่าต่ออีกว่า จนกระทั่งเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ลูกสาวก็ออกจากห้องมาขออนุญาตตน ว่าจะขอออกไปข้างนอก เพื่อไปทำธุระ แต่ตนเห็นว่ามันดึกมากแล้วจึงไม่ให้ไป เขาจึงกลับไปล็อกประตูเก็บตัวอยู่ในห้องนอน กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ตนกับสามีต้องออกไปทำงาน จึงฝากให้ยายช่วยดูแลแทน
ปรากฎว่าลูกสาวได้แอบหนีออกจากบ้านไป และไม่สามารติดต่อได้ กระทั่งลูกติดต่อกลับมาเองโดยบอกว่าให้ตนนำทองของยายไปขาย แล้วเอาเงินมาโอนเข้าบัญชีให้กับเขา แต่ตนปฎิเสธ เพื่อต้องการให้ลูกกลับมาบ้าน มาเอาทองเอง แต่ลูกสาวไม่ยอมมา และไม่ยอมบอกว่าอยู่ไหน ทำให้ตนกับสามีต้องขับรถตระเวนตามหาลูก จนกระทั่งวันที่ 9 ม.ค.ตนได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอความช่วยเหลือ และตามเจอตัวลูกสาวที่ห้องเช่ารายวันแห่งหนึ่ง
โดย ผู้เป็นแม่ เปิดเผยอีกว่า หลังลูกสาวหนีออกจากบ้านไป ได้ส่งคลิปในลักษณะเสียใจ และขู่จะทำร้ายตนเอง ส่งมาให้ดู เพื่อหวังให้ตนหาเงินอีก 1 แสนบาทไปโอนให้เขา แต่ตนไม่มีเงินแล้วเพราะถูกโอนออกไปเกลี้ยงบัญชีแล้ว แม้ว่าตนจะเป็นห่วงลูกสาวมาก เพราะอยู่ในสภาวะซึมเศร้า โชคดีที่ติดตามตัวลูกสาวเจอ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมแล้วครอบครัวตนเสียเงินไปประมาณ 310,000 บาท
ขณะที่ ลูกสาว กล่าวว่า ตนได้รับสายโทรศัพท์เป็นเสียงชายเสียงดุๆ บอกว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องจากทาง ปปง.ให้มาติดตามตรวจสอบทรัพย์สิน หลังมีชื่อตนไปพัวพันเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อฟอกเงิน ต่อมาชายคนดังกล่าวได้วิดีโอคอลเข้ามาหา ในชุดเครื่องแบบตำรวจ พร้อมแสดงหลักฐานเป็นเอกสาร ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของ ปปง. ที่มีชื่อตนอยู่ ด้วยความตกใจ จึงเชื่อตามที่คนร้ายบอกให้ทำตามทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินในแอปบัญชีธนาคารตัวเอง ก่อนจะถูกบังคับให้ไปนำมือถือของพ่อกับแม่มาโอนเงินไปตรวจสอบอีก
ต่อมาคนร้ายได้บังคับให้ตนออกจากบ้าน ไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ เพื่อให้ตนทำตามที่บอกอีก โดยขู่ว่าเรื่องที่ทำอยู่ในตอนนี้เป็นความลับทางราชการ หากพ่อแม่มารับรู้ด้วย ก็จะมีความผิดถูกจับติดคุกด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเชื่อฟังทำตาม ก็จะไม่มีความผิด และจะได้เงินที่ส่งมาตรวจสอบกลับคืน
ตนจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ โดยคนร้ายห้ามตนรับสายโทรศัพท์คนในครอบครัว นอกจากเขาจะสั่งให้ติดต่อกลับไปเอง จากนั้นคนร้ายได้บังคับให้ตนถ่ายคลิปในลักษณะขู่ทำร้ายร่างกายตัวเองให้สมจริงโดยให้ส่งไปคนร้ายดูก่อน และเมื่อผ่านแล้ว เขาจึงให้ตนส่งคลิปไปให้แม่ดู เพื่อขู่ให้แม่โอนเงินมาให้อีก 1 แสนบาท หรือนำทองของยายไปขายมาให้ แต่แม่ก็ไม่เชื่อจึงไม่โอนเงินมาให้ตน
ตนยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาดที่ไปหลงเชื่อคนร้าย ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้มากกว่าจะเชื่อคนในครอบครัว ตนรู้สึกเสียใจมากที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน สูญเสียเงินไปหลายแสนบาท แม้ว่าในตอนนี้แม่จะให้อภัยตนแล้วก็ตาม แต่ตนก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรีได้รับแจ้งความ เพื่อทำเรื่องส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ติดตามตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป