สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ในเดือน ธ.ค. 2567 ปรับลงแทบทั้งเดือนส่งท้ายปี แม้ว่าดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน หนุนจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ รวมทั้งปัจจัยบวกจากนโยบายรัฐ แต่หลังจากนั้นในช่วงที่เหลือของเดือน SET ปรับลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยแวดล้อมเชิงลบกดดัน ทั้งจากในประเทศที่มาจากหุ้นขนาดใหญ่ถูกเทขายหลังเผชิญปัญหาด้านธรรมาภิบาล ฉุดรั้งให้หุ้นขนาดใหญ่อื่น ๆ ถูกขายตามไปด้วย
รวมทั้งจากต่างประเทศ หลังคณะกรรมการ FOMC ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 สร้าง Sentiment ลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีร่วงหลุดต่ำกว่า 1,400 จุดอีกครั้งก่อนฟื้นขึ้นช่วงปลายเดือน ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค. ต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 3 ที่ 1.0 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1.4 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมกระแส Fund Flow เดือนดังกล่าวไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกราว 1.7 พันล้านเหรียญ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ราว 1.7, 0.7, 0.3, 0.3, 0.1 และ 0.1 พันล้านเหรียญ ตามลำดับ มีเพียงตลาดหุ้นไต้หวันเพียงแห่งเดียวที่เป็นซื้อสุทธิราว 1.5 พันล้านเหรียญ
ด้านแนวโน้ม SET ในเดือน ม.ค. 2568 คาดมีความผันผวนในกรอบ 1,330-1,450 จุด จากทั้งปัจจัยด้านบวก และลบ โดยด้านบวกลุ้น January Effect หนุนดัชนี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ปัจจัยลบ ได้แก่ ความกังวลด้านนโยบายทางการค้าของทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค.
รวมถึงการประชุมเฟดในเดือนนี้ที่ตลาดคาดว่าจะเป็นการคงดอกเบี้ย ทั้งนี้ แนวโน้มราคา SET มีกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1,360 และ 1,330 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนมีแนวต้านอยู่ที่ 1,420 และ 1,450 จุด ตามลำดับ
ด้านกลยุทธ์ให้เน้นตั้งรับ จากตลาดที่มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสซื้อตามแนวรับที่กำหนด เนื่องจากในเชิง Valuation โดยหากอิงประมาณการกำไรตลาด ปี 2568 ที่ราว 97 บาท/หุ้น และดัชนีที่ระดับบริเวณ 1,400 จุด คิดเป็น Forward P/E ไม่ถึง 14.5 เท่า อีกทั้ง Earning Yield Gap ก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจกว่า 4.6%
ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจแนะนำใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค โดยนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT)
2) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดจะมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังรอคอยปัจจัยชี้นำใหม่ ๆ และยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ แนะนำ AP, KTB, BBL, PTT
และ 3) หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก GULF, OSP, AMATA, AU, TIDLOR, BCP
…แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี