มูลนิธิกระจกเงา เล่าย้อนเคสบีบหัวใจ เด็ก 15 ถูกพาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
GH News January 10, 2025 09:06 AM

มูลนิธิกระจกเงา เล่าละเอียด ย้อนเคสบีบหัวใจ เด็ก 15 ถูกพาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกทำร้ายร่างกาย เห็นพระร้องไห้เลยอยากเลิกทำ

มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเล่าถึงครั้งหนึ่งที่ทางมูลนิธิได้เข้าช่วยเหลือเด็กชายอายุ 15 ปี ที่ถูกพาไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกทำร้ายร่างกาย เล่าเคยหลอกพระแล้วเห็นพระร้องไห้เลยไม่อยากทำ ก่อนที่ทางมิจฉาชีพจะให้หาเงินมาไถ่ตัว 130,000 บาท

โดยทาง มูลนิธิกระจกเงา เล่าว่า “1.เด็กเรียนไม่จบ ม.2 ทำงานก่อสร้าง รายได้วันละ 350- ทำได้เดือนนึง ไม่ไหว อยากหางานที่สบายกว่านี้ จนไปเจอประกาศในเน็ต รับแอดมินเพจเงินเดือนหมื่นห้า

2.รับอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แต่พอเด็กบอกอายุ 15 ปี ให้ใช้บัตรพี่ชายส่งมาสมัครได้ คุยทางข้อความและโทรผ่านเฟซบุ๊ก บอกว่าที่ทำงานอยู่อรัญประเทศ

3.เด็กอยู่ภาคเหนือ ก่อนขึ้นรถทัวร์ให้ยื่นโทรศัพท์ให้คนขายตั๋ว ทางนั้นจะโอนเงินซื้อตั๋วกับคนขายโดยตรงให้ทุกครั้ง ทั้งสองทอด จนถึงอรัญประเทศ

4.มีคนมาสมัครงานแบบเดียวกัน รวม 4 คน นั่งรอหน้า 7-11 จนมีรถมารับนั่งรถเกือบครึ่งชั่วโมง ให้ลงตรงโรงสีมีรถไถจอด จากนั้นให้ทุกคนวิ่งฝ่าไร่อ้อยข้ามไปฝั่งปอยเปต

5.ฝั่งปอยเปต มีรถรอรับ เด็กถูกถามอายุและถามว่ารู้มั้ยว่าทำงานอะไร ภายหลังเด็กถึงรู้ว่าถูกขายต่ออีกทอด และถูกพานั่งรถไปในกัมพูชา จนถึงชายแดนฝั่งจังหวัดสุรินทร์

6.เด็กถูกพาลงอาคารห้าชั้น มีคนพูดจีนกับคนพูดไทยได้มารับตัว บอกว่างานนี้คือคอลเซ็นเตอร์สายดำ ย้ำว่าเป็นงานเครียดและกดดัน ทำได้มั้ย? เด็กบอกว่าทำได้ เพราะกลัวถูกพาไปที่อื่นอีก

7.ที่นั่นมีคนไทยอยู่ประมาณ 30 คน มีคนจีน 2 คน งานแรกคือ ให้ท่องสคริปท์ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธนาคาร “สวัสดีครับ ติดต่อจากธนาคาร… คุณเปิดใช้งานบัตรเครดิตใช่มั้ย”

8.ในสคริปท์ จะอำนวยความสะดวกโอนสายไปยังตำรวจ สภ.ตาก ก็จะเป็นการโอนสายไปยังคนที่สอง ตำแหน่ง ตำรวจสอบสวน ท่องอยู่หนึ่งวัน พอวันที่สองให้ทดลองฟังสายที่โทรไปหลอกจริง

9.วันที่สาม ต้องโทรไปหลอกเองแล้ว สายแรกเจอสวนว่า “หนูอย่ามาทำแบบนี้เลย มันบาป“ เด็กร้องไห้เลย เพราะทำไม่ได้

10.ระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์รันสายเข้ามาจากระบบถึงพนักงาน โดยไม่ต้องกดเบอร์เอง มีหน้าจอ แจ้งชื่อนามสกุลและเลขบัตรประจำตัว ปลายสายไว้เป็นข้อมูลหลอกล่อ

11.งานเริ่ม 08.00-18.00 น. ถ้าใครไม่ได้ยอด ต้องซ้อมสคริปท์ต่อ เดือนแรก เด็กหลอกใครไม่ได้เลย แต่ได้เงินเดือน 20,000บาท ซึ่งก็ซื้อของจากร้านค้าในตึกเท่านั้น

12.เด็กบอกว่า ในนั้นไม่ได้ถูกบังคับหรือทุบตี มันเป็นไปโดยอัตโนมัติว่าต้องทำ แต่ฝึกกันหนัก เพื่อทำยอดให้ได้ ถ้าไม่ได้ยอด ต้องซ้อมบทจนถึงสามทุ่ม

13.เดือนที่สองไม่ได้เงินเดือนแล้ว ต้องหลอกคนให้ได้ โดยได้ส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นเดือนที่สองไม่ได้เงินเลย เพราะหลอกคนไม่สำเร็จ แต่ที่นั่นนอนห้องแอร์และมีข้าวให้กินฟรีจึงยังอยู่ได้

14.เดือนที่สาม เด็กยังหลอกใครไม่ได้อีก คราวนี้เริ่มถูกกดดันโดยการด่า เด็กยังมีเงินเหลือจากเดือนแรก มีคนในนั้นชวนเล่นพนันออนไลน์ เป็นวังวนให้ต้องหาเงิน

15.เดือนที่สี่ หลอกคนได้ยอดรวมสองแสนจากเหยื่อหลายคนรวมกัน ได้เงินส่วนแบ่งมาหมื่นนึง เดือนที่สี่เด็กขยับตำแหน่งมาเป็นตำรวจ “ผมร้อยตำรวจโท ศุภชัย”

16.ขั้นตำรวจใช้อุปกรณ์เพิ่ม มีวิทยุสื่อสาร ทำทีพูดผ่านวิทยุให้เหยื่อได้ยิน เพื่อโอนสายไปตำรวจระดับสูงขึ้นไปอีกทอด ขั้นนี้จะขอตรวจบัญชี ต้องทำยอดเงินให้เป็นศูนย์บาท โดยโอนเงินมาที่บัญชีที่เตรียมไว้

17.ถ้าเหยื่อรวยและหลงเชื่อ จะหลอกถามทรัพย์สินอื่น บอกว่าทรัพย์สินได้มาโดยผิดกฎหมาย ให้ไปขายเอาเงินมาโอนให้ตรวจสอบ

18.เวลางานห้ามใช้โทรศัพท์ส่วนตัว หลังเลิกงานให้ใช้โทรศัพท์ได้

19.จุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่เด็กโทรหลอกพระ ได้ครั้งแรกห้าหมื่น ครั้งต่อมาสามหมื่น ส่งต่อไปให้คนอื่นหลอกเพิ่มอีกเจ็ดหมื่น จนเปิดกล้องวิดีโอคอล เห็นพระร้องไห้ เด็กจึงไม่อยากทำแล้ว

20.เดือนที่ห้า เด็กไม่ได้ยอด เพราะไม่อยากทำ ขอกลับบ้าน เขาให้หาเงินมาไถ่ตัว 130,000 บาท ขู่ว่าห้ามแจ้งตำรวจ

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นช่วงปี 2566 – เคสนี้ทีมงานมูลนิธิกระจกเงา ช่วยเหลือเด็กกลับมาฝั่งไทยได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เสียเงินค่าไถ่ โดยการประสานงานแบบไม่เป็นทางการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตอนที่ข้ามฝั่งกลับมา เด็กถูกทำร้ายปรากฏบาดแผลและรอยฟกช้ำตามร่างกาย ครอบครัวไม่ประสงค์ดำเนินคดี เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย”

ข่าวล่าสุด
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.