ปัญหารอยสิวเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน เพราะนอกจากจะทำให้ เกิดความไม่สม่ำเสมอของสีผิว และความเรียบเนียนของใบหน้าแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจอีกด้วย การรักษาด้วยเลเซอร์รอยสิวจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่าการใช้ครีมทาภายนอก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงและใช้เวลาพักฟื้นน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์รอยสิวที่มีให้เลือกหลากหลาย หลายคนจึงเกิดคำถามว่า เลเซอร์รอยสิวตัวไหนดีที่สุด วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเลเซอร์รอยสิวแต่ละประเภท พร้อมแนะนำวิธีเลือกเลเซอร์รอยสิวที่เหมาะกับปัญหาผิวของคุณ
การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์รอยสิวนั้นมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าเลเซอร์รอยสิวแต่ละชนิดมีข้อดีและเหมาะกับการรักษารอยสิวประเภทใดบ้าง
Pico Laser เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด โดยปล่อยพลังงานในระดับพิโกวินาที หรือ Picosecond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ทำให้สามารถแตกสลายเม็ดสีที่ตกค้างจากรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวรอบข้างเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับการรักษารอยแดงจากสิว รอยดำจากสิว และหลุมสิว
การรักษาด้วย Pico Laser จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำ 3-5 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 2-4 สัปดาห์ โดยเลเซอร์รอยสิว ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 7,500-20,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับ บริเวณและขนาดพื้นที่ที่ต้องการรักษา ชนิดของเครื่อง Pico ชนิดของรอยสิว หลุมสิว และโหมดที่ใช้ในการรักษา
Red Touch Pro Laser เป็นเลเซอร์รอยสิว แก้ไขความเรียบเนียน ของผิว ที่ใช้คลื่นความถี่ 675 นาโนเมตร ซึ่งเป็นคลื่น เป็นคลื่นความถี่ที่นอกจากจะสามารถจับทั้งรอยแดงและรอยดำได้แล้ว ความพิเศษคือเป็นช่วงคลื่น แรกของโลกที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจน รักษาความเรียบเนียน หลุมสิว รูขุมขน และความแน่นเฟิร์มของผิวได้โดยไม่เจ็บ ไม่ต้องพักหน้า แต่ได้ผลในระดับที่สูง เทียบกับเลเซอร์แบบมีแผลในสมัยก่อน จากการใช้ช่วงคลื่นที่มีความจำเพาะกับคอลลาเจนโดยตรง โดยจะช่วยทั้งกระตุ้นความเรียบเนียนของผิว ลดการสร้างเม็ดสี และลดความแดง และรอยแดงของหน้าได้อีกด้วย
Red Touch Pro Laser เหมาะกับผู้ที่มีรอยดำ รอยแดง ความหมองคล้ำ หน้าไม่เนียนใส หลุมสิว หรือผิวที่เริ่มมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อย แต่อยากรักษาโดยไม่เจ็บ ไม่ต้องพักหน้า แต่มีประสิทธิภาพในระดับสูง และผู้ที่ไม่มีเวลาพักหน้าหลังทำหัตถการ
การรักษาด้วย Red Touch Pro Laser แนะนำให้ทำ 4-6 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 2-3 สัปดาห์ โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังการรักษาครั้งที่ 2 เป็นต้นไป สำหรับราคาค่าบริการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณที่ทำ เช่น ทำทั่วหน้าจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาทต่อครั้ง หรือทำทั่วหน้า รวมเหนียงและคอ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 25,000 บาทต่อครั้ง
V Beam เป็นเลเซอร์รอยสิวประเภท Pulsed Dye Laser ที่มีความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร ซึ่งสามารถเจาะจงทำลายหลอดเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยลดรอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดงจากสิว รอยแดงที่เกิดจากการอักเสบ
การรักษาด้วย V Beam จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก แต่แนะนำให้ทำ 3-5 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 3-4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ราคาเริ่มต้นประมาณ 4,000-12,000 บาทต่อครั้ง
แต่โดยปกติรอยสิวมักมีสีแดงและสีดำร่วมกันในรอยเดียวกันตามกลไกโรคที่เกิดจากการอักเสบ ดังนั้น การเลือก Picosecond Laser, Red Touch Pro จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการรักษารอยสิว เพราะสามารถจัดการได้ทุกองค์ประกอบ
Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้คลื่นแสง 2 สี ได้แก่ แสงสีเหลือง (ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร) และแสงสีเขียว (ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร) ทำให้สามารถรักษาได้ทั้งรอยแดงและรอยดำจากสิว อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยสิวหลายประเภท ทั้งรอยแดง รอยดำ และรอยดำจากสิว
การรักษาด้วย Dual Yellow Laser แนะนำให้ทำ 4-6 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 2-3 สัปดาห์ โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังการรักษาครั้งที่ 2-3 ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,500-10,000 บาทต่อครั้ง แต่เมื่อเทียบประสิทธิภาพแล้ว Dual Yellow ถือเป็นเลเซอร์ที่ค่อนข้างเก่า และมีประสิทธิภาพน้อยกว่า Picosecond Laser และ Red Touch Pro
การเลือกเลเซอร์รอยสิวที่เหมาะสมนั้น ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งประเภทของรอยสิว ความรุนแรงของปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โดยส่วนใหญ่แล้ว รอยสิวตามกลไกของโรคจะเกิดจากการอักเสบ จึงมักมีรอยแดงและรอยดำร่วมกัน ไม่ใช่แค่รอยดำอย่างเดียว เช่น กระ ฝ้า หรือ รอยแดงอย่างเดียวเช่น โรคของเส้นเลือด การเลือกเลเซอร์ที่มีกลไกการจัดการองค์ประกอบทั้งสองอย่างพร้อมกันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่น Picosecond Laser, Red Touch Pro Laser เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกเลเซอร์รอยสิวที่เหมาะสมนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในบางกรณี การใช้เลเซอร์รอยสิวหลายชนิดร่วมกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้เพียงชนิดเดียว
นอกจากนั้นการจะทำเลเซอร์ให้ได้ผลดี จะเกิดจากการตั้งค่าพลังงานที่ถูกต้องร่วมด้วย เพราะเครื่องเลเซอร์มีการตั้งค่าพลังงานที่ละเอียดอ่อน ต้องวิเคราะห์ผิว วิเคราะห์ปัญหา และตั้งค่าพลังงานอย่างถูกต้อง หลายค่า ให้สัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่ค่าความแรงเบา และไม่ใช่แค่เครื่องแท้ ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนกัน แต่เทคนิคการยิงของแพทย์ยังมีผลอย่างมากอีกด้วย การเลือกคลินิกจึงไม่ควรเลือกแค่เครื่อง หรือราคา แต่ควรพิจารณาเรื่องของความเชี่ยวชาญ และมาตรฐานคลินิกร่วมด้วย
จะเห็นได้ว่า เลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษารอยสิว โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถรักษารอยสิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น Pico Laser ที่เหมาะกับรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว และ Red Touch Pro ที่เหมาะกับทั้งรอยดำ รอยแดง หลุมสิวโดยความเจ็บ และ Downtime ต่ำ ส่วน V Beam ที่เหมาะสำหรับรักษารอยแดงโดยเฉพาะ หรือ Dual Yellow ที่รักษาได้ทั้งรอยแดงและรอยดำ การเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและประเภทของรอยสิว จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ