เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงต้นปีประเทศไทยมักจะประสบปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควัน 2.5 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้ง อากาศแห้งและเย็น ประกอบการกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่างๆ ที่ก่อให้เกิดควัน ซึ่งกิจกรรมภาคการเกษตรก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง
ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดมาตรการดำเนินงานภายใต้การรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง 2.5 ปี 2568 เพื่อเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการจัดการทั้งในระดับพื้นที่และในระดับการส่งเสริมการเกษตรเพื่อช่วยลดการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ดังนี้
นอกจากนี้ นายครองศักดิ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรพื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ที่ทำการเพราะปลูกรายชนิดของพืชเกษตรที่เสี่ยงต่อการเผา ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงาน พร้อมข้อมูลเกษตรกรแยกรายจังหวัด เพื่อนำไปสู่การวางแผนการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรการบริการจัดการพื้นที่เกษตรที่เสี่ยงการเผาไหม้ เพื่อจัดทำระบบปฏิบัติการบริหารจัดการเชื้อเพลิงและแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงรายจังหวัด อำเภอ และตำบล ตามรายชื่อเกษตรกรและจำนวนพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนในแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ นายครองศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะสามารถลดจุด จากการเผาในพื้นที่เกษตรรายพืช ปี 2568 ได้แก่ ข้าว ลดลง 30% ข้าวโพด ลดลง 10% และอ้อย ลดลง 15% ส่วนการลดจุดความร้อน (Hotspot) รายภาค ได้แก่ ภาคเหนือ (17 จังหวัด) ลดลง 30% จาก 4,550 จุด เหลือ 3,185 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลง 20% จาก 9,928 จุด เหลือ 7,942 จุด ภาคตะวันตก ลดลง 15% จาก 1,608 จุด เหลือ 1,367 จุด ภาคกลาง ลดลง 10% จาก 2,032 จุด เหลือ 1,829 จุด ภาคตะวันออก ลดลง 10% จาก 2,052 จุด เหลือ 1,847 จุด ภาคใต้ ลดลง 10% จาก 1,017 จุด เหลือ 915 จุด โดยเกษตรกรนำเศษวัสดุเหลือใช้ไปใช้ประโยชน์ เช่น การทำปุ๋ยหรือการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า และเป็นการส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียนและพืชมูลค่าสูงในพื้นที่เกษตรกรรม สร้างรายได้ให้เกษตรกรนำไปสู่การไม่เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ลดมลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง 2.5 ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายครองศักดิ์ กล่าวว่า เกษตรกรสามารถขอคำแนะนำการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรอย่างถูกต้องได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน