ศาลนัดสืบพยาน คดี ลิม คิมยา ภรรยา ยันสามีไม่เคยมีเรื่องกับใคร เผยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์ โอดวันเกิดเหตุแทบไม่มีใครมาช่วย
เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก จากกรณี นายลิม คิมยา อดีตสส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา ถูก นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ใกล้วงเวียนสิบสามห้างถนนบวรนิเวศ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. โดยมีนายคิมริน พิช ชาวกัมพูชา เป็นคนชี้เป้า ให้จ่าเอ็มยิง นายลิม เสียชีวิต เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดที่ห้องพิจารณาคดี 811 ผู้พิพากษาออกบัลลังก์สืบพยานหลักฐานของคดีนี้ โดยมีภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม เข้าให้การสืบพยาน
ภรรยาของนายคิมให้การว่า นายคิมประกอบอาชีพเป็นวิศวะกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน และยืนยันว่าสามีของตนอย่างนายคิมไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองหรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน
ภรรยาของนายคิมให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมกับนายคิมและพี่เขยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปพักผ่อนยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นเวลา 4 วัน ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูชา และผ่านเข้ามายังประเทศไทยผ่านเส้นทางบริเวณชายแดนปอยเปต ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิมเดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้กับวัดบวรนิเวศ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีจราจรติดขัดก่อนที่ตน พี่เขยและนายลิม จะนำสำภาระลงจากรถบัสและเดินไปข้ามถนนยังด้านหลัง เพื่อไปยังฟุตบาตกลางถนน ปรากฏว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้งจากบริเวณข้างหน้า จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าตนพบเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหนีไป
ต่อมาทนายความได้นำรูปของนายเอกลักษณ์มาให้ภรรยาของนายคิมดู เพื่อให้เทียบว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งภรรยาของนายคิมมั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน
ภรรยาของนายคิมให้การต่อว่า ภายหลังจากที่เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นแล้ว พี่เขยของตนได้ตะโกนขึ้นมาว่านายคิมถูกยิง ซึ่งในขณะนั้นนายคิมยังไม่เสียชีวิตแต่ว่าไม่มีสติแล้ว ตนพบว่าสามีของตนเองถูกยิงตรงบริเวณด้านหลัง 2 นัด หลังจากนั้นตนพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการ CPR แต่ปรากฏว่าสามีของตนอาการแย่ลงเรื่อย ๆ มีเลือดออกจำนวนมาก จึงขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้างแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพักจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับแพทย์เข้ามาทำการช่วยเหลือ แต่ในเวลานั้นหลังจากที่ตนจับชีพจรของสามีปรากฏว่าชีพจรไม่เต้น จึงทำให้มั่นใจว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยพี่เขยของตนเห็นผู้ชี้เป้าอย่างนายคิมริน อยู่บนรถโดยสารประจำทาง
ภรรยาของนายคิมให้การอีกว่า เวลาที่สามีของตนถูกยิงคาดว่าเป็นเวลาประมาณ 17.30-17.45 น. และหลังจากนั้นตนได้ไปให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม โดยยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวน