‘พิธา’ เผย ถามสารทุกข์สุขดิบ ‘ทักษิณ’ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ โยนถามพรรคประชาชน หลัง ‘ทักษิณ’ หยอด อุดมการณ์เดียวกัน ก็ทำงานร่วมกันได้ ชี้ งานวันนี้เป็นภาพบวกของ 2 ครอบครัว ไม่อนุมานไปไกลกว่านั้น พ้อ พรุ่งนี้ไปลำพูนอย่างลำพัง

เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานฝั่งเจ้าสาว ขึ้นกล่าวอวยพรในมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย กับ น.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน ว่า ตนได้เล่าถึงความทรงจำที่มีต่อ น.ส.รภัสสรณ์ ตอนที่ไปหาเสียงด้วยกัน ก็จำได้ว่าเขาทำงานแข่งขัน และใช้เวลาอยู่กับประชาชนเยอะ ถ้าได้คู่ครองเป็นคนที่เข้าใจชีวิตการเมือง และเป็น ส.ส. พอจะทำให้พวกเขาเป็นผู้แทนที่ดีด้วยกันทั้งคู่

นายพิธากล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างพรรคกัน และเชื่อว่าจะสามารถแยกแยะได้ ระหว่างความเป็นมืออาชีพ เรื่องส่วนตัว และเรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องของครอบครัว พรรคการเมืองก็แข่งขันกันต่อไปไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งความคิดถึงตอนวันสงกรานต์ที่มีพ่อแก่แม่เฒ่า ก็จำได้ว่า น.ส.รภัสสรณ์ ก็ดูแลผู้ใหญ่ และมีความอดทนเป็นอย่างดี ครอบครัวไหนได้ไปเป็นสะใภ้ก็คงจะดี

รวมถึงตอนที่พาลูกสาวไปเล่นสงกรานต์ก็ได้ น.ส.รภัสสรณ์ ที่คอยดูแล ถ้าทั้งคู่ตกลงปลงใจที่จะมีลูกเพิ่ม ก็คิดว่า น.ส.รภัสสรณ์ก็จะเป็นแม่ที่ดี

ส่วนที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีว่า “นิยมแต่งเข้ามากกว่าแต่งออก” นั้น นายพิธากล่าวว่า ก็เขาพูดถึงครอบครัวเขา คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่พูดก่อนเข้าและบนเวทีว่า ของการเมืองและเรื่องของความรักต้องแยกออกจากกัน และไม่ได้เกี่ยวกัน “ส่วนพรุ่งนี้ก็จะลงพื้นที่จังหวัดลำพูนอย่างลำพัง ไปหาเสียงอยู่เหมือนเดิม และทำงานต่อไป”

เมื่อถามว่าในงานมีจังหวะที่พูดคุยกับนายทักษิณอย่างไรบ้าง นายพิธาระบุว่า ก็แลกเปลี่ยน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเล็กน้อย ไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ แต่คุยกับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มากกว่า เพราะไปญี่ปุ่นด้วยกัน และได้เจอภาคเอกชนของญี่ปุ่น ก็มีความกังวลใจในเรื่องการลงทุนในภาคเศรษฐกิจ จึงได้มีการพูดคุยกันเรื่องการลงทุนระหว่างประเทศ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนบนเวทีที่ นายทักษิณได้มีการอวยพรให้คู่บ่าวสาวนั้น ก็เหมือนว่านายทักษิณ พร้อมที่จะการเมืองร่วมกันกับพรรคประชาชนด้วย นายพิธากล่าวว่า ก็ต้องไปถามพรรคประชาชน ตนโดนตัดสิทธิไปแล้ว ก็ลองไปถาม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน ถ้าหากมองในมุมของนายณัฐพงษ์ ก็จะเอาประชาชน และหลักการมาเป็นที่ตั้ง ไม่ได้บอกว่าจะร่วมกับพรรคโน้น พรรคนี้ ซึ่งตอนนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องของไฟป่าที่เขาใหญ่ และ PM2.5 เขาก็คงจะโฟกัสเรื่องการแก้ไขให้กับประชาชนมากกว่า

เมื่อถามว่าภาพในวันนี้เป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองต่อจากนี้ด้วยหรือไม่ นายพิธาระบุว่า ภาพในวันนี้ก็ส่งสัญญาณบวกให้กับครอบครัวสองครอบครัว แต่ในมุมของตนเองไม่ได้มีอะไรที่อนุมานไปไกลมากกว่านั้น

นายพิธากล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ไปจังหวัดลำพูนอย่างลำพัง แม้แต่ ส.ส.นนทบุรีก็ยังบอกว่ามาช่วยหาเสียงหน่อย ซึ่งตนก็ไปเป็นเขยจังหวัดโน้น จังหวัดนี้ไม่เคยสำเร็จสักที และยังโสดจนถึงทุกวันนี้