แพทย์เตือน 5 อาหารก่อมะเร็ง ที่มีทุกบ้าน เก็บไม่ดีเสี่ยงหนัก
เรื่องอาหารการกิน เรียกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพื่อสุขภาพที่ดี ล่าสุด “หมอเจด” นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้เปิด 5 ลิสต์ อาหารต้องระวัง เสี่ยงก่อมะเร็งร้าย ไว้ในเฟซบุ๊กดังนี้
ทุกคนรู้ไหมว่า ของที่อยู่ในบ้านทุกคน มีบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็ง โดยการเก็บที่ไม่ดีก็ทำให้เกิดเชื้อรา ที่ชื่ออะฟลาท็อกซินขึ้นมา ส่งผลให้เกิดอาการตัวแข็ง และตามมาด้วยมะเร็งตับในที่สุด ซึ่งมะเร็งตับเป็นมะเร็งอันดับ 2 ของคนไทย เรื่องนี้สำคัญมาเลยอยากจะพูดนิดนึงนะครับ อาหารที่ว่ามีอะไรบ้างมาดูกัน
1. ข้าวสาร
ข้าวสารเป็นของที่ทุกบ้านต้องมีติดครัว แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ข้าวสารนั้นเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อราได้หากเก็บไม่ดี โดยเฉพาะในที่อับชื้น เมื่อเมล็ดข้าว เชื้อราอาจเริ่มเติบโตขึ้นทันที และที่แย่กว่านั้น เชื้อราบางชนิด เช่น Aspergillus flavus สามารถผลิตสารพิษที่ชื่อว่า “อะฟลาท็อกซิน” (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้
อะฟลาท็อกซินสามารถทนทานต่อความร้อนสูง นั่นหมายความว่าการหุงข้าวหรือปรุงสุกก็ไม่สามารถกำจัดสารพิษนี้ออกไปได้ ถ้าเชื้อราได้เข้าไปในข้าวสารแล้ว ความเสี่ยงที่สารพิษจะปนเปื้อนอยู่ในข้าวหุงก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือการเก็บข้าวสารไว้ในที่แห้งและเย็น ถ้าคุณเก็บข้าวสารในที่ที่มีความชื้นน้อย เช่น ในถังพลาสติกที่ปิดสนิท ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดเชื้อราได้เป็นอย่างมาก
ถ้าคุณเปิดถุงข้าวแล้วเห็นว่ามีกลิ่นเหม็นอับหรือเริ่มเห็นจุดราสีดำ ควรทิ้งข้าวสารนั้นทันที เพราะถึงจะเป็นแค่ส่วนน้อยของข้าวสารที่เริ่มมีราขึ้น แต่เชื้อราอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของข้าวที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
2. ถั่วลิสง
ถั่วลิสงเป็นอีกหนึ่งอาหารที่พบได้ในทุกบ้าน เพราะทั้งอร่อยและมีประโยชน์ แต่ก็เป็นของที่เชื้อชอบเหมือนกันนะ โดยเฉพาะเชื้อราเขียวที่เจริญเติบโตได้ดีในถั่วลิสงที่เก็บไว้นานๆ หรือเก็บในที่ที่มีความชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท เชื้อราชนิดนี้ โดยเฉพาะ Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus สามารถผลิตอะฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็นสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพรุนแรง
อะฟลาท็อกซินจะส่งผลกระทบต่อตับอย่างรุนแรง เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สารนี้จะทำให้เซลล์ตับเสียหาย อาจนำไปสู่การเกิดโรคตับแข็ง และมีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งตับ
เพื่อป้องกันไม่ให้ถั่วลิสงเป็นเชื้อรา ควรเก็บถั่วลิสงในที่แห้งและเย็น ควรใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท หากคุณพบว่าถั่วลิสงเริ่มมีจุดสีเขียวหรือขาว หรือมีกลิ่นอับแปลกๆ อย่าเสียดาย อันนี้ต้องรีบโยนทิ้ง เพราะการกินถั่วลิสงที่มีเชื้อราอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งโดยไม่รู้ตัว
3. พริกแห้ง
พริกแห้งเป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในอาหารไทยหลายเมนู ตั้งแต่ต้มยำ แกงเผ็ด ไปจนถึงน้ำพริก แต่ถึงแม้พริกแห้งจะมีความเผ็ดร้อน แต่เชื้อราก็ยังคงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพริกแห้งที่เก็บไว้นานหรือเก็บในที่ชื้น
เชื้อราที่พบได้บ่อยในพริกแห้งคือราที่เป็นจุดขาวๆ หรือเขียวๆ ซึ่งหากปล่อยให้เติบโต เชื้อราเหล่านี้จะสามารถผลิตสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ ถ้าเก็บพริกแห้งไม่ดี เชื้อราที่ซ่อนอยู่ในพริกแห้งจะส่งผลให้พริกแห้งสูญเสียคุณค่าทางอาหารและกลายเป็นแหล่งของสารพิษ
เพื่อป้องกันพริกแห้งจากเชื้อรา ควรเก็บพริกแห้งในถุงที่ปิดสนิทและเก็บในที่ที่แห้ง ระวังไม่ให้พริกแห้งสัมผัสกับความชื้น การเก็บในภาชนะสุญญากาศหรือใช้ถุงซิปล็อกจะช่วยป้องกันอากาศและความชื้นเข้าไปได้ อันนี้ก็ช่วยได้นะครับนอกจากนี้ หากพบพริกแห้งที่มีจุดรา ควรทิ้งทันที ไม่ควรนำไปตากแดดหรือผึ่งให้แห้ง เพราะเชื้อราและสารพิษนั้นยังคงอยู่แม้จะโดนแสงแดด
4. กระเทียม
กระเทียมเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่แทบทุกบ้านต้องมีติดไว้ทำอาหารนะ ทั้งช่วยเพิ่มรสชาติอาหารและมีประโยชน์ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม กระเทียมที่เก็บไว้นานเกินไปหรือเก็บในที่ชื้นจะเริ่มมีการเจริญเติบโตของเชื้อรา จุดสังเกตง่ายๆ คือกระเทียมอาจเริ่มมีจุดสีเขียว หรือบางครั้งอาจเห็นจุดดำๆ บนกลีบกระเทียม
เชื้อราที่พบในกระเทียมสามารถสร้างสารพิษที่เรียกว่า “อะฟลาท็อกซิน” (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง การบริโภคกระเทียมที่มีเชื้อราสามารถทำให้เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
เพื่อป้องกันกระเทียมจากเชื้อรา ควรเก็บกระเทียมในที่แห้งและอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรเก็บในที่ชื้นหรือในตู้เย็นเป็นเวลานาน เพราะความชื้นจะกระตุ้นให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย และหากพบว่ากระเทียมเริ่มมีจุดสีเขียวๆ หรือดำๆ ไม่ควรนำไปใช้ในการปรุงอาหาร แต่ควรทิ้งเพื่อความปลอดภัย
5. หอมแดง
หรืออับชื้น หอมแดงอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา จุดสังเกตง่ายๆ คือหอมแดงที่มีจุดราสีเขียวหรือดำ เชื้อราที่เติบโตบนหอมแดงสามารถสร้างสารก่อมะเร็งที่ชื่อว่า “อะฟลาท็อกซิน” (Aflatoxin) ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากบริโภคเข้าไป
ควรเก็บหอมแดงในที่แห้งและอากาศถ่ายเทได้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรหลีกเลี่ยงการเก็บหอมแดงในถุงพลาสติกที่อับชื้นหรือในที่อุณหภูมิสูง เพราะเชื้อรามาแน่ ถ้าพบว่าหอมแดงเริ่มมีราสีเขียวๆ หรือดำๆ ควรทิ้งไปทันทีนะครับ อย่าเสียดายเพราะเชื้อราที่คุณไม่เห็นมันกระจายไปส่วนอื่นๆ ของหอมแดงแล้ว
อันนี้ก็ฝากทุกคนเช็กนะ ถ้าเจอแบบนี้อย่าทานหรือปรุงอาหารที่มีเชื้อราเด็ดขาด ควรทิ้งอาหารนั้นทันที และอย่าคิดว่าการขูดราหรือการต้มสุกจะช่วยกำจัดสารพิษได้ เพราะอะฟลาท็อกซินทนความร้อนและยังคงเป็นอันตราย
ทิ้งอาหารที่ปนเปื้อนทั้งหมด หากอาหารในภาชนะหรือถุงหนึ่งมีเชื้อรา ควรทิ้งอาหารทั้งหมดที่อยู่ในภาชนะเดียวกัน ไม่ควรแยกแค่ส่วนที่มีรา เพราะเชื้อราอาจแพร่กระจายได้โดยที่เรามองไม่เห็น
รวมถึงทำความสะอาดภาชนะที่เก็บอาหารอย่างทั่วถึง ทิ้งอาหารที่มีเชื้อราแล้ว ก็ควรล้างและทำความสะอาดภาชนะที่เคยเก็บอาหารนั้นด้วยน้ำร้อนและสบู่ เพื่อกำจัดเชื้อราและสปอร์ที่อาจยังติดอยู่