ส.ว.พิสิษฐ์เฉลยวงในวุฒิสภาส่วนใหญ่ไม่รับร่างแก้มาตรา 256 แต่แนะพท.-ปชน.ไปโน้มน้าวขอ 67 เสียงช่วย
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่เคยระบุว่าจะจัดเวทีเสวนาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้กับ ส.ว.ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่า เป็นเพียงรายการ Morning Talk จะมีเฉพาะ ส.ว.เท่านั้น ขณะนี้ยังไม่กําหนดวันและตัววิทยากร แต่จะจัดก่อนการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ แน่นอน
เมื่อถามถึงแนวโน้มของ ส.ว.ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 นายพิสิษฐ์กล่าวว่า มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่พูดคุยกับ ส.ว.ที่เป็นเพื่อนกันส่วนใหญ่ ก็มีที่ไม่เห็นด้วย
เมื่อถามว่าคิดว่าร่างแก้ไขมาตรา 256 จะผ่านหรือไม่ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 เห็นชอบในวาระแรกด้วย นายพิสิษฐ์กล่าวว่า มองว่าเสียง 1 ใน 3 ไม่เยอะ เพราะต้องการแค่ 67 เสียง ซึ่งน้อยกว่าการลงมติของวุฒิสภาโดยปกติ ดังนั้น อยากให้ผู้นําเสนอทั้งพรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ไปโน้มน้าว ส.ว.ให้เห็นด้วยมากกว่า
เมื่อถามว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญควรเหลืออํานาจของ ส.ว.ไว้อย่างไร เพราะร่างที่เสนอขณะนี้ เป็นการตัดอํานาจของ ส.ว. นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราแบ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งถ่วงดุลอํานาจกันและกัน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กําหนดไว้ว่าหากจะแก้ไข ต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ต้องการให้ทั้ง 2 สภา มีการถ่วงอํานาจกัน หากรวมเสียง ส.ส.และ ส.ว. ยังไง ส.ว.ก็โหวตไม่ชนะ ก็จะไม่เกิดการถ่วงดุล ขัดต่อมติมหาชน
“ยังยึดมั่นในคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ที่กำหนดให้มีการทำประชามติเสียก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับรวมทั้งการจะแก้ไขมาตรา 256 เพราะอ่านโดยละเอียดแล้ว และเชื่อว่าในการสัมมนาของ ส.ว. คงจะมีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวด้วย”