ภูมิธรรม ตั้งเคพีไอ ตร.-ทหาร-ฝ่ายปกครอง 14 จังหวัด มีผลเลื่อนยศ-ย้าย หากแก้ยาเสพติด-แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์ไม่เป็นผล
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 ที่สถานีเรือเชียงของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อย ตามลำน้ำโขง จ.เชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย ตามลำน้ำโขงที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านว่า จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ ขอชื่นชมสมรรถภาพของหน่วยยุทโธปกรณ์ มีความพร้อมในการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การประชุมผู้เกี่ยวข้องวันที่ 30 ม.ค. จะเน้นย้ำนโยบายให้ชัดเจน ตั้งเป้าไว้ว่า 6 เดือนประเมินให้เห็นผล หากไม่ทำอะไร สิ่งที่กฎหมายตามแนวชายแดนก็จะไม่หมดไปง่ายๆ เพราะปัจจุบันมีปัญหา จากนี้จะเพิ่มขั้นตอนปฏิบัติ ด้วยการซีลพื้นที่ เชื่อว่าน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ ทั้งระดับผู้กำกับ นายอำเภอ หากทำไม่ได้ หรือแย่ลงต้องดูว่าจะทำอย่างไร ต้องดูมาตรการจังหวัด กระทรวงทหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ ผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ต้องลงมาดูแลต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน
“ประกาศให้ชัดก่อนเริ่มทำงานมีเคพีไอ เป็นตัวชี้วัด ซึ่งทุกคน ทั้งตำรวจทหารฝ่ายปกครอง ต้องรู้ว่าปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต้องจัดการอย่างไร ผมจะลงไปดูชายแดนอีกหลายพื้นที่ เพราะมีปัญหาค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซนเตอร์ ยาเสพติด เป็นภัยคุกคาม เราต้องตื่นตัวหามาตรการแก้ปัญหา”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนของทหารต้องรับการประเมินเคพีไอ ต้องยอมรับว่ากำลังทหารชั้นแรกไม่พอ เพราะชายแดนยาวและมีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก ดังนั้นถึงนำระดับอำเภอมาเป็นพื้นที่ชั้นที่ 2 ช่วยลดภาระเกิดปัญหา แต่ย้ำว่าเคพีไอต้องชัดเจนว่าภารกิจของใครทำอะไร ตั้งใจว่าจะเอานายอำเภอและผู้กำกับทำงานคู่กันไป และให้ผู้ว่าทำงานคู่กับผู้บังคับการจังหวัด เพื่อตกลงกันให้ชัด
นายภูมิธรรม ย้ำว่า อีกส่วนต้องหามาตรการความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน แม้ที่ผ่านมาพูดคุยกันม่ตลอด แต่ปัญหาไม่คลี่คลายอยากให้ทุกหน่วยงานคิดใหม่ เพราะถ้าคิดแบบเดิมได้แบบเดิม แต่ยอมรับว่ามีหลายปัจจัยทำให้เกิดปัญหาก็ไม่ได้โทษใคร
เมื่อถามว่าเคพีไอมีผลต่อตำแหน่งและการโยกย้ายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังคิดในรายละเอียด แต่จะให้ระดับผู้บังคับบัญชาหามาตรการชี้วัดเคพีไอ เพราะเขาจะรู้ดีสุดแค่ไหน อย่างไร ถึงเหมาะสม เช่น ทหารจะมีแม่ทัพภาค ในฐานะที่เป็น กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการตั้งต้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด (นยบส.) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมีอำนาจคุมผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนเครื่องมือพิเศษให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เช่น จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังพิจารณาเรื่องโดรนลาดตระเวน ไม่ต้องใช้ทหารไปเดินเสี่ยงถูกโจมตี อยากได้เครื่องมืออะไร ขอให้ไปทำตามแผนมา เราไม่ขวาง แต่ตนจะไขว้ให้ด้วย ขออย่างเดียวของต้องมีคุณภาพ ราคาสมเหตุผล เช่น ซื้อเสื้อเกราะมา ถูกยิงแล้วตายอันนี้รับไม่ได้ ย้ำกับผู้บังคับบัญชาไปแล้ว สิ่งไหนใช้เทคโนโลยีมาแทน การใช้กำลังพลก็จะลดลง ซึ่งตนได้เน้นย้ำกับ ผบ.เหล่าทัพ รวมถึง ผบ.ตร. ไปแล้ว หากระวังหลักการที่ชัดเจน แล้วพูดคุยกันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้
เมื่อถามว่าเราซีลชายแดนเป็นการแก้ปัญหาปลายทาง แล้วปัญหาต้นทางมีการหลอกคนจีนใช้ไทยเป็นทางผ่านไปส่งชายแดนดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยอมรับสิ่งที่ทำอยู่เป็นการแก้ไขปัญหาปลายทาง แต่เป็นด่านที่สำคัญ หากซีลชายแดนได้ชัดเจน การเคลื่อนย้ายคนก็ไม่ง่าย ต้องไปคิดรายละเอียด สวนต้นทางก็ต้องไปพูดคุยอีก กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อย่างกรณีดาราจีน ซิงซิง เราไล่เช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้มีอาการบังคับ จนกระทั่งเขาขึ้นรถ ก่อนไปข้ามเส้นทางธรรมชาติ ถือเป็นปัญหาพิเศษ ต้องมาวางรายละเอียดกันอีก เรื่องนี้หากสามารถทำได้สำเร็จ ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่าปัจจุบันมีการยกเลิกคอนเสิร์ต อีกทั้งใกล้เทศกาลตรุษจีน คาดว่าคนจะไม่เดินทางมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังแก้ไขกันอยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐาน ปัญหาและการเข้าใจที่แท้จริง และวันจันทร์นี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องวางมาตรการดูแลความปลอดภัย นักท่องเที่ยว และด้านไซเบอร์ เช่น นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดีอี เพื่อไปตรวจสอบ การปล่อยข่าว ในเชิงลบต่อประเทศไทย ในโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารไปยังประเทศจีน ในการทำความเข้าใจ คงต้องแก้ไขปัญหา เบื้องต้นไปก่อน