‘สมศักดิ์’ นำทีมเยี่ยมชุมชนย่านปากเกร็ด มอบ ‘มุ้งสู้ฝุ่น’ ยันประสิทธิภาพกรองPM2.5
GH News January 13, 2025 05:27 PM

‘สมศักดิ์’ นำทีมเยี่ยมชุมชนย่านปากเกร็ด มอบ ‘มุ้งสู้ฝุ่น’ ยันประสิทธิภาพกรองPM2.5

เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสราวุธ อ่อนละมัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัด สธ. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย และคณะทำงานนลงพื้นที่เพื่อดูแลป้องกันประชาชนจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยไปตรวจเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

พร้อมมอบ “มุ้งสู้ฝุ่น” และหน้ากากอนามัย และสอบถามสถานการณ์ฝุ่น จากนั้น เดินทางต่อไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนผาสุกมณีจักรมิตรภาพที่ 116 ตรวจเยี่ยมห้องเรียนที่มีการติดตั้งเครื่องฟอก D.I.Y. พร้อมมอบหน้ากากป้องกันฝุ่นแก่ครูพี่เลี้ยง ขณะที่โรงเรียนได้รายงานสรุปสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พื้นที่ปากเกร็ด ซึ่งติดอันดับค่าฝุ่น PM 2.5 สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังได้รายงานมาตรการที่ได้ร่วมเทศบาลนครปากเกร็ด ในการดูแลเด็กนักเรียนและชาวปากเกร็ด อาทิ จัดทำห้องปลอดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ D.I.Y. ตู้แจกแมสก์ การตรวจสภาพรถยนต์ในโครงการ “แก่แต่เก๋า” เป็นต้น ซึ่งมีความภูมิใจที่นวัตกรรม สมดุล ฝุ่น คน เมือง ทำให้คนปากเกร็ด 35,500 คน มีอายุไขเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 25 วัน

นายสมศักดิ์ กล่าวชื่นชมในการดำเนินมาตรการต่างๆ ว่า เป็นการใช้นวัตกรรมที่ครบถ้วน มีตัวชี้วัดสามารถรักษาความยั่งยืนของชีวิตผู้คนได้จากตัวเลข 25 วัน คล้ายกับการนับคาร์บที่ตนกำลังดำเนินการเช่นกัน คือ กินเป็นไม่ป่วย สวยหล่ออายุยืน ถ้าเริ่มทำตั้งแต่อายุ 35 ปี เชื่อว่าจะมีชีวิตยืนยาวถึง 120 ปี

จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โรงเรียนผาสุกมณีจักรมีทั้งหมด 28 ห้อง และได้จัดทำห้องปลอดฝุ่นผ่านเครื่องฟอกอากาศ D.I.Y.เครื่องละ 800 – 1,000 บาท ใช้ได้ในพื้นที่ 18 ตารางเมตร เพื่อดูแลเด็กเล็กที่ผลิตโดยเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นการทำขึ้นเองใช้เอง ใช้งบประมาณต่อห้องประมาณ 3,200 บาท นอกจากนี้ ยังมีการตรวจวัดอากาศตลอด มีการแจกแมสก์ ตรวจสภาพรถยนต์ เมื่อไม่มีอากาศเสียก็ทำให้ฝุ่นลดลง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ใน จ.นนทบุรี ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน (สีส้ม) สูงกว่า 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 7-9 มกราคม 2568 ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงกว่า 75.1 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) สำหรับวันนี้ แม้ว่าสถานการณ์ฝุ่นจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่จากการคาดการณ์ ในวันที่ 14-15 มกราคม 2568 ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศปิดและมีอัตราการระบายอากาศต่ำ ส่งผลให้มีฝุ่นสะสม ที่ผ่านมา สธ.ได้มีมาตรการและมีข้อสั่งการผลกระทบกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เสี่ยงจาก PM2.5 รวมทั้งการจัดทำห้องปลอดฝุ่น ซึ่งประชาชนสามารถทำเองได้ ที่บ้าน แต่ยังมีกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มที่ไม่สามารถทำห้องปลอดฝุ่นได้ มุ้งสู้ฝุ่นจึงถือเป็นทางเลือกในการช่วย ลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5

“สธ.ได้สนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่นไปแล้วกว่า 1,400 ชุด กระจายใน 35 จังหวัด มุ้งสู้ฝุ่นเป็นนวัตกรรมที่ดัดแปลงมุ่งผ้าฝ้าย พร้อมกับกรองอากาศที่สะอาดผ่านเครื่องกรองอากาศเข้าไปภายในมุ้ง เกิดเป็นสภาพห้องแรงดันบวกขึ้น ทำให้ดันฝุ่นออกมานอกมุ้งและกันไม่ให้ฝุ่นลอดเข้ามาในมุ้ง ให้มีลักษณะคล้ายกับแอร์มุ้ง ซึ่งสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้กว่าร้อยละ 70 ประเทศไทยมีกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานกว่า 40,000 ราย มุ้งสู้ฝุ่นจะช่วยให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง และกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคผิวหนัง โรคเยื่อบุตา โรคหอบหืด และโรคมะเร็งปอด ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง สามารถสร้างพื้นที่ปลอดฝุ่นภายในบ้านได้ การจัดทำมุ้งสู้ฝุ่นใช้งบประมาณไม่เกิน 5,000 บาทต่อชิ้น และจะช่วยลดค่าใช้จ่าย หากต้องมีการรักษาพยาบาลได้ โดยค่ารักษาพยาบาล เฉลี่ยเกินกว่า 50,000 บาทต่อราย” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กรมอนามัยจะมีการของบกลาง เพื่อจัดซื้อมุ้งกันฝุ่นเพิ่มเติมให้กลุ่มเปราะบาง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สามารถของบจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ แต่อาจจะมีขั้นตอน และ 2.กรมอนามัยอาจจะมีการขอเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดเหลือ ซึ่งกรมอนามัยดำเนินการเรื่องมุ้งและมอบไปทั่วประเทศแล้วกว่า 1,400 หลัง อีกทั้งมีห้องปลอดฝุ่นของราชการอีกประมาณ 3,000 กว่าห้อง ส่วนมาตรการเรื่องเวิร์คฟอร์มโฮม เป็นมาตรการที่มีการกำหนดไว้อยู่แล้ว หากสถานการณ์ฝุ่นมีการเพิ่มระดับขึ้น ท้องถิ่นสามารถสั่งการดำเนินการได้

ด้าน พญ.อัมพร กล่าวว่า กรมอนามัยสนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่น เพื่อให้กลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้ป่วยติดเตียงได้ป้องกันตนเองจาก PM2.5 การลงพื้นที่ชุมชน ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บางพูด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนผาสุกมณีจักร มิตรภาพที่ 116 เพื่อมอบมุ้งสู้ฝุ่น หน้ากากกันฝุ่น ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้แทนชุมชนนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย ติดเตียง รวมทั้งบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางเสี่ยงป่วยได้ง่าย ขอให้ประชาชนปฏิบัติตาม คำแนะนำของ    สธ.อย่างเคร่งครัด หากพบอาการ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด ให้รีบพาไปพบแพทย์

ขณะที่ นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ มีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 12 ล้านคน ที่จะต้องเจอกับฝุ่นทุกวัน โดยจากการรายงานของกรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM 2.5 มีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งแบ่งเป็น 1.ระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก ประกอบด้วย หอบหืด โรคปอดอุดกลั้นเรื้อรัง สองคือ 2.กลุ่มผิวหนังอักเสบ และ 3.เยื่อบุตาอักเสบ

“กลุ่มเปราะบาง หากเป็นไปได้อยากให้เข้าไปอยู่ในห้องปลอดฝุ่น เมื่ออยู่ในบริเวณที่มีค่าฝุ่นระดับสีส้มขึ้นไป หรือกรณีผู้ป่วยติดเตียง อาจจะเป็นการใช้มุ้งสู้ฝุ่น ท้ายที่สุดหากจำเป็นที่ต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ควรที่จะต้องใช้หน้ากากอนามัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ หน้ากากอนามัยทั่วไป จะป้องกันฝุ่นได้ราวร้อยละ 70, หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน จะป้องกันฝุ่นได้ราวร้อยละ 80 และหน้ากาก N95 จะป้องกันได้ราวร้อยละ 95″นพ.ธิติ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.