แม่พาลูกชายร้องศูนย์ดำรงธรรม หนุ่มญี่ปุ่นขับรถชน จนพิการ ถูกออกจากงาน ผ่านไป 7 เดือนคดีไม่คืบ คนชนหนีกลับประเทศ ช้ำตร.ไล่ให้ไปฟ้องศาลโลก
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง นางศิริลักษณ์ อันทะรินทร์ อายุ 60 ปี ชาวบ้าน ม.10 ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง พานายอติรุตต์ อายุ 25 ปี ลูกชาย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม จากกรณี ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผ่านมา 7 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า เรื่องคดี คู่กรณีซึ่งเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่นกลับประเทศไปแล้ว สอบถามทางตำรวจก็บอกให้ไปฟ้องศาลโลก จึงไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
นางสิริลักษณ์ ให้การถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.35 น.วันที่ 23 พ.ค.67 นายคูโบตะ มิโนรุ สัญชาติญี่ปุ่น ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีดำ ทะเบียน ฌบ1668 กรุงเทพมหานคร ขับออกมาจากทางแยกหน้าตลาดผลไม้ตะพง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง ขึ้นไปบนถนนสุขุมวิท เพื่อกลับรถ
เป็นจังหวะที่นายอติรุตต์ขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีขาว 1กบ6362 ระยอง กลับจากเลิกงาน มาทางตรงจึงชนเข้ากับรถคันดังกล่าวอย่างแรง เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาหัก สะโพกแตกหัก เบื้องต้นนายคูโบตะยอมรับผิด ให้ทางบริษัทประกันเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี พ.ต.ท.ชัยกฤต เตารัตน์ ร้อยเวรสภ.เมือง ระยอง เป็นเจ้าของคดี
นางสิริลักษณ์ กล่าวต่อว่า ลูกชายต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง และเตรียมเข้าผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกเทียม ในวันที่ 6 ก.พ.68 ก่อนหน้ามีการเจรจากันเรื่องค่าเสียหาย โดยทางเรียกค่าเสียหายไป 2 ล้านบาท แต่ยังตกลงกันไม่ได้ คู่กรณียอมจ่ายเพียง 250,000 บาท จึงไม่ยอมตกลง
ส่วนนายคูโบตะ เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว มีเพียงผู้หญิงที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่นั่งมาด้วยในวันเกิดเหตุมาพบตำรวจ เมื่อสอบถามทาง พ.ต.ท.ชัยกฤต ว่า จะต้องทำอย่างไร ได้คำตอบว่าให้ไปฟ้องศาลโลก
ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจ คนชนก็หนีกลับประเทศไปแล้ว ลูกชายก็ต้องออกจากงาน แล้วยังไม่รู้ว่าอนาคตจะไปทำงานอะไร เพราะไม่สามารถเดินได้เหมือนปกติ ทำงานหนักก็ไม่ได้ วอนขอความเห็นใจ เพราะเป็นแค่ชาวบ้านไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายสอบถามตำรวจก็ไม่เคยให้คำแนะนำ ไม่รู้เพราะอะไร พูดเข้าข้างคู่กรณีอย่างเดียว ท้อแท้มาก ไปขายของก็ไม่ได้ ต้องดูแลลูกชาย เงินก็ไม่มี ที่ผ่านมาลูกชายเป็นเสาหลักดูแลครอบครัว วอนขอความเป็นธรรมด้วย
นายอติรุตต์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนทำงานเป็นพนักงานดับเพลิง ของโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือนรวมกับงานพิเศษ เดือนละกว่า 30,000 บาท แต่ก็ต้องออกจากงาน กับการกระทำอันประมาทของคู่กรณี ชีวิตถึงกับกลายเป็นคนพิการไปเลย ท้อแท้มาก สงสารแม่ที่ต้องมารับภาระ
ซึ่งหากไม่เกิดเหตุขึ้น ตนก็สามารถหาเงินช่วยเหลือครอบครัวได้ทุกเดือน แต่ตอนนี้แค่เดินยังลำบากเลย วอนคู่กรณีเห็นใจด้วย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจ.ระยอง ได้รับเรื่องไว้ เตรียมสอบถามถึงพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป