พบเบาะแสคนร้ายมีการวางแผนในร้านกาแฟ ก่อนลงมือก่อเหตุ พันธนาการนักเทรดหุ้นตุรกี รีดทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

ความคืบหน้ากรณี นายมาซิส อายุ 36 ปี สัญชาติตุรกี เป็นนักธุรกิจเทรดหุ้น และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอล ( คริปโต , บิตคอยน์ ) ถูกคนร้าย 3 คน จับใส่กุญมือไพล่หลังแล้วรัดซ้ำด้วย สายเคเบิลไทร์ (สายรัดสายไฟแบบหัวล็อค) อีก 2 เส้น และที่ข้อเท้ายังถูกมัดด้วยสายไฟ แล้วบังคับเอาทรัพย์สินไปเป็นโน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง รวมถึงเงินคลิปโตอีกจำนวนมาก หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป เหตุเกิดที่ ห้อง 516 ชั้น 5 เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ ตี 1 ที่คอนโดแห่งหนึ่งภายในซอยวัดบุณย์กัญจนาราม (วัดหนองพังแค) หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกลุ่มคนร้ายได้มีการบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินคริปโต หรือสกุลเงินดิจิตอล รวมมูลค่า เกือบ 10 ล้านบาท ( 9.9 ล้าน ) 

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. (14 มกราคม 67) ตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณร้านกาแฟปากซอยบุณย์กัญจนาราม 5 ห่างจากคอนโดที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร โดยตำรวจได้บอกว่า 1 ในคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้มานั่งดื่มกาแฟ ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยัง คอนโดที่เกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 14.53 น. ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับชายต้องสงสัยเป็นชาวตุรกี สวมหมวกแก็ป เสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสีขาว สะพายเป้สีดำเดินมุ่งหน้าไปยังคอนโดที่เกิดเหตุ

ความคืบหน้าล่าสุด มีการยืนยันว่าตำรวจ รู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว โดย 1 ในผู้ก่อเหตุมีการเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ส่วนคนอีก 2 คน ยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตำรวจยังไม่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูล คาดว่าน่าจะมีการออกหมายจับภายในวันนี้ 

นอกจากนี้ ตำรวจยังมีการเชิญอดีตแฟนของผู้เสียหายมาทำการสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม กับกลุ่มคนร้ายรายนี้ 

นายเดช นามสมมุติ เป็นลูกบ้านซึ่งพักอยู่ข้างห้องที่เกิดเหตุเล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ห้อง จึงไม่ได้ยินเสียงว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนอยู่ที่คอนโดแห่งนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเห็นผู้เสียหายมาก่อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลระบุว่า ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาพักที่ประเทศไทยหลายครั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใครมาจากที่ไหน มาทำงานอะไร ถึงได้ถูกรีดไถเงินตนรู้เพียงว่าก่อนหน้านี้ เมื่อ 7-8 ปีก่อน ห้องดังกล่าว เคยพาผู้หญิงมามั่วสุมปาร์ตี้ภายในห้อง ร้องเพลงเสียงดัง จนลูกบ้านแจ้ง รปภ. เข้าไปตรวจสอบก็พบ ว่ามีการเสพยาภายในห้อง แต่ตอนนั้นผู้พักดังกล่าว ถูกตำรวจจับไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าใช่กลุ่มเดียวกันหรือไม่