ภัยพิบัติไฟป่าครั้งใหญ่ที่กำลังลุกลามในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้กลายเป็นหนึ่งในมหันตภัยที่สร้างความสูญเสียครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา รายงานจาก AccuWeather คาดการณ์ว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไฟป่าครั้งนี้อาจสูงถึง 8.4-9.2 ล้านล้านบาท (250-275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจำนวนนี้ครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูทรัพย์สิน ความสูญเสียทางธุรกิจ และค่าใช้จ่ายระยะยาวอื่นๆ
เพลิงที่ลุกลามด้วยแรงลม Santa Ana ได้ทำลายอาคารกว่า 12,000 หลัง และคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 24 คน พร้อมทั้งบังคับให้ประชาชนนับแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ การคาดการณ์ระบุว่า ไฟป่าครั้งนี้อาจแซงหน้าภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ในด้านความเสียหายทางเศรษฐกิจ เช่น ไต้ฝุ่นเฮเลนในปี 2567 ที่สร้างความเสียหายราว 7.8 ล้านล้านบาท
ย่านที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ได้แก่ ซานตา โมนิกา (Santa Monica) ถึง มาลิบู (Malibu) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูง บ้านในเขตนี้มีราคากลางสูงถึง 70 ล้านบาท หลายครอบครัวต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงในการย้ายถิ่นฐาน และธุรกิจจำนวนมากอาจไม่สามารถกลับมาเปิดใหม่ได้
ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่ในระดับท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนียโดยรวม ซึ่งถือเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รายงานระบุว่าความเสียหายครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 4% ของ GDP ของรัฐ นอกจากความสูญเสียที่ประเมินเป็นตัวเงิน ความเสียหายยังรวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน การสูญเสียรายได้ของแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพระยะยาวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคุณภาพอากาศที่เลวร้าย นอกจากนี้ การฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคที่เสียหาย เช่น ถนนและสายไฟฟ้า จะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล
อีกทั้ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้สร้างความกังวลต่อวงการประกันภัย บริษัทประกันรายใหญ่หลายแห่งได้ถอนตัวออกจากตลาดในแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
เหตุการณ์ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือกับไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การลงทุนในเทคโนโลยีการตรวจจับไฟป่าล่วงหน้า การวางแผนพัฒนาเมืองที่คำนึงถึงความเสี่ยง และการลดปัจจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันความเสียหายในระดับนี้
ไฟป่าแคลิฟอร์เนียครั้งนี้ได้สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจ ชุมชน และชีวิตของผู้คน ความเสียหายที่เกิดขึ้นเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการร่วมกันระหว่างรัฐบาล อุตสาหกรรม และประชาชนในการรับมือกับภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้ แต่ผู้คนสามารถลดผลกระทบและสร้างอนาคตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้ด้วยความพยายามร่วมกัน
อ้างอิง: AccuWeather, The Guardian, Euronews, Reuters, Usnews, Farmonaut
