ลั่นระฆังวิวาห์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม เจมส์ จิรายุ และ โฟม แฟนสาวนอกวงการ ที่ได้จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์สุดเรียบง่ายไปเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (19 ธ.ค.67) ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น และรายล้อมไปด้วยคนในครอบครัว และเพื่อนพ้องทั้งในวงการและนอกวงการมาร่วมเป็นสักขีพยานรักให้กับทั้งคู่
ล่าสุดช่วงเวลา 15.09 น. เจมส์ จิ เจ้าบ่าว ได้ควงเจ้าสาวโฟมออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนครั้งแรก ถึงความรู้สึกหลังจากที่จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์
เจมส์ “เมื่อเช้าเป็นบรรยากาศที่น่ารักจริงๆ ผมกับโฟมตั้งใจไว้ว่าอยากแต่งงานแบบบรรยากาศในสวน อยากจะใช้เวลากับทุกคน ก็เลยมีจำนวนคนไม่เยอะมาก แต่จริงๆ ก็อยากขอโทษด้วยถ้าไม่ได้เชิญใคร เพราะว่ามันมีความวุ่นวายเล็กน้อย อยากใช้เวลากับผู้คนจริงๆ ก็เลยกลายเป็นบรรยากาศแบบนั้นออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่โฟมสัมภาษณ์มีอะไรยังไงก็ลองดู”
โฟม “ความรู้สึกโฟมก็โล่งดีค่ะ ก็เป็นงานแต่งครั้งแรกเราก็เขินกับทุกคน แล้วพอมันผ่านไปด้วยดีก็รู้สึกโอเคโล่ง ทุกคนแฮปปี้เราก็แฮปปี้ ใช้เวลาคุยกันมานาน แต่ว่าเตรียมงานจริงๆ ไม่นาน ด้วยจำนวน ด้วยการจัดงานมันก็ไม่เยอะ เป็นสบายๆ โฟมชอบธีมนี้ มีงานแต่งในฝันไหม ก็แค่อยากจะให้ดูอบอุ่น ได้เจอทุกคน ได้พูดคุย ไม่ได้อยากได้งานใหญ่โตในโรงแรมเลย คือที่นี่ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่มาแล้วรู้สึกชอบ อบอุ่นด้วยบรรยากาศด้วยต้นไม้ ก็เลยเป็นที่นี่ แล้วก็ชอบความมีสีสันของดอกไม้ ให้มันมีสีสันนิดนึง”
เจมส์ “เขาชอบอะไรผมชอบหมดครับ ถามว่าชอบอะไรที่สุดผมก็ต้องชอบเขาที่สุด งานเงินไม่สนใจหรอกครับ ชุดสวยครับ แต่เจ้าสาวสวยกว่า”
โฟม “ตอนนี้ก็แปลกๆ แปลกตรงที่จะใช้คำนำหน้าสามีภรรยา แต่ก็เรียกได้ค่ะ ปกติเราจะเรียกกันพ่อกับแม่ เพราะว่ามีน้องหมาก็เลยเรียกแทนตัวเองแบบนี้ไปเลยแล้วก็ชินแล้ว”
เจมส์ “พิธีการตอนเช้ามีแค่สวมแหวน แล้วก็ไหว้ผู้ใหญ่ นอกจากนั้นก็คือถ่ายรูปเล่นแค่นั้นเลย”
โฟม “ผู้ชายต้องไหว้ตอบ คือหนูหวังว่าผู้ชายจะไหว้ให้หนูแต่มันก็ไม่มี (เจมส์หัวเราะ พร้อมยกมือไหว้)”
ความรู้สึกของโฟมวันที่เจมส์คุกเข่าขอแต่งงาน เห็นเดินหนีด้วย?
โฟม “คือมันเขิน เหมือนเราบอกเขาว่าไม่ต้องคุกเข่า หยุด หยุด หยุด”
เจมส์ “เขาแจ้งให้ผมทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเกิดขอแต่งงาน อย่าคุกเข่า อย่าทำ คือไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เขาเขินมาก อย่าทำแบบนั้น แต่เราคิดว่ามันควรจะมีสักซีนหนึ่งในลักษณะแบบนั้น คุกเข่าขอแต่งงาน แต่ว่าพอคุกเข่าปุ๊บเขาก็เดินหนีจริงๆ เขาก็บอกว่าอย่าอย่า ไม่เอา ลุกเดี๋ยวนี้”
โฟม “คือเราเขิน แล้วเราก็ไม่ได้คาดหวัง ไม่คิดว่ามันจะเป็นวันนั้น ก็เลยบอกว่าอย่าทำแบบนี้ คือไม่มีเซนส์ค่ะ เพราะว่ามันเลยวันสำคัญที่เราคิดมาหมดแล้ว แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นตรงนั้น ถ้าเกิดมันมีวันนึงจะขอ อาจจะเป็นที่บ้าน คือเราก็รู้สึกว่ามันก็ดีใจแล้วก็รู้สึกว่ามันสักที”
โฟม “เขาก็จีบหนู ตอนเริ่มแรกอ่ะ ทำงานด้วยกัน เหมือนเจอกัน แต่ว่าตอนแรกเจอกันครั้งแรกไม่ค่อยได้คุยมากเท่าไหร่ เพราะว่าหนูทำงานเบื้องหลังโฆษณา ในยุคนั้นเขาก็จะเป็นลูกสาว เราก็มองว่าเป็นลูกสาวมาตลอด อีกครั้งนึงเจอ เพื่อนก็บอกว่าไม่ใช่ละ ไม่ใช่ลูกสาวแน่นอน หลังจากนั้นก็ DM DM มาหา คุยด้วย สวัสดีครับทำอะไรอยู่ ขอไลน์ ตอนนั้นน่ะเราไม่แน่ใจว่าจีบไหม เพราะว่าเขาก็ดังมาก จำไม่ได้ว่าคุยอะไร แต่ก็จำได้ว่าเป็นเรื่องคุยกันประจำวัน เหมือนเขาเต๊าะ เขามีความแพรวพราว แต่ว่าก็มีความคีพลุค แล้วไม่รู้ว่าการทัก DM เขาอาจจะทักหลายคน”
เจมส์ “วันนี้ผมกำลังคิดอยู่ว่าผมจะเล่าอะไรดี ถ้าเล่าความจริงหมดก็คือ 10 ปีที่ผ่านมาคือหมดเลยนะ คือตอนนั้นน่ะผมเห็นเขา เขาน่ารักดี แล้วผมเป็นคนที่ชอบคนที่ลักษณะบุคลิกนี้ ชอบคนแอ๊กทีฟด้วยสิ่งที่ชอบก็เลยรู้สึกเขาน่ารัก ก็พยายามค้นหาว่าเราจะคุยกับเขาได้ทางไหน”
โฟม “เติมเต็มบ้าง ไม่เต็มบ้าง”
โฟม “แรกๆ อาจจะไม่ชิน แต่ว่าหลังๆ มามันชิน ก็ช่างมันเถอะ ก็ละในสิ่งที่ไม่จรรโลงใจไปค่ะ ก็เสียใจ แต่มันก็เคยเสียใจจนอยากเลิก เขาก็จะไม่ยอมเลิก”
เจมส์ “คือมันมีช่วงหนึ่งที่เขาเจอดราม่ามากๆ คือเขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงแล้วการดีลกับคอมเมนต์และกระแสต่างๆ มันหนัก คือไม่ใช่แค่ตัวเขา คนรอบข้าง ครอบครัว มันเป็นช่วงที่หนักมากๆ ซึ่งมากๆ สำหรับเขา คือเขาเคยเล่า นอนร้องห่มร้องไห้หลายวัน จนเราคุยกัน เขาบอกว่า หรือว่าเราจะเลิกกันดี คือเขาเข้าใจในหน้าที่การงานและกระแสที่เกิดขึ้น แต่เขารู้สึกว่าในเมื่อมันหนักเกินไป แต่ว่าผมก็บอกเขาว่า..”
โฟม “เขาก็บอกว่าที่เรามีปัญหาเป็นเพราะคนอื่น เราจะไม่เลิกกันเพราะคนอื่น เราจะเลิกกันเพราะเราไม่รักกัน หล่อเฉยเลย ก็อยากปล่อยมือบ้าง ไม่ปล่อยมือบ้าง พอโดนก็อยากจะปล่อย แต่พอเขาบอกก็คือไปต่อ คือจริงๆ แล้วเจมส์เป็นคนที่เริ่มจาก 0 ไป 100 แล้วก็ติดลบ แล้วก็เพิ่มไปตลอด คะแนนเขาไม่ลงเลย ใครถามเขาก็บอกว่าผมพลาดครับ”
เจมส์ “ผมค่อนข้างพูดติดตลก คือผมว่าในเรื่องของความรักความสัมพันธ์ด้วยระยะเวลามันก็มีประมาณนึงเหมือนทุกๆ คู่ คบกันไปทะเลาะกันไปจะเลิก แต่ว่าเราไม่พูดถึงความรักความสัมพันธ์เขาจะเป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เขาเป็นคนที่ไม่ได้หวานแล้วก็เป็นคนที่ชอบช็อตแบบนี้ แบบที่ทุกคนเห็น แล้วผมว่าปฏิกิริยาแบบนี้มันก็ทำให้เรามีแรงผลักดันในการทำนู่นทำนี่ต่อไป ทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แต่ผมรู้นะว่าสิ่งที่เขาพูดเขามีเจตนาดีตลอด แต่ว่าเขาเป็นคนที่ช็อต ก็เลยรู้สึกว่าเขาก็เหมือนกับเป็นสีสันที่มาเติมให้เราเต็มได้ จากคนที่คิดเยอะ พอเขามาเติมผมก็คิดว่ามันกลมกล่อมดี”
เจมส์ “เขาทำได้หมด อาหารขนมนม ไปต่างประเทศเขาจัดของให้หมด คือผมไม่ต้องยุ่งคือผมไปเซอร์ไพรส์หน้างานว่าผมมีอะไรอยู่ในนั้น เขาก็จะคอยดูแลให้ได้ทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ละเอียด”
โฟม “คือไม่หรอก เขาจัดเสื้อผ้าไม่ดี”
โฟม “ยังอยากทำงานอยู่ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็ยังทำอยู่ และรู้สึกว่ามันก็ทำไปได้ทั้งคู่ ยังไม่รู้สึกว่าลำบากอะไร คือตอนนี้มีร้านอาหารค่ะ อยู่นาคนิวาส 43 ค่ะ เปิดทุกวันไม่ปิดเลยค่ะ”
โฟม “แพลนมีมาตลอด คือพูดเรื่องวางแผนชีวิตมาตลอด แต่ว่าพอมันมาตอนนี้เราก็ยังอยากเที่ยวอยู่ก็เลยยังไม่แน่ใจว่า.. อยากคืออยากแล้วแหละ แต่ยังไม่มั่นใจว่าเร็วอะ มันเร็วแค่ไหน เพราะว่าเรายังอยากเที่ยวอยู่ เอาจริงๆ อ่ะตั้งแต่คบเจมส์มา เที่ยวน้อย หมายถึงว่าไปเที่ยวด้วยกันน้อย”
เจมส์ “คือเราคุยกันเรื่องมีลูกก่อนที่จะคุยกันเรื่องการแต่งงาน หมายถึงว่าแพลนว่าจะมีกันในช่วงวัยไหน คือเรื่องการแต่งงานเลยถูกทำตามเรื่องการมีลูก แต่งานแต่งมันถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ เรื่องการมีลูกก็เลยยังตกลงไม่ได้ว่าเมื่อไหร่”
โฟม “เขาอ่ะเป็นคนวางแผนเก่ง แต่ไม่ค่อยเริ่มจริง จริงๆ แพลนไว้แล้วในปีที่แล้ว หรือปีนี้ไหม แต่พอปีนี้ก็อยากจะเที่ยวอีกสักนิดไหม มันก็เลยยังไม่มีที่ชัดเจนค่ะ แต่ก็อยากมีไม่ช้ามากค่ะ อยากมีสอง เป็นพี่เป็นน้อง โฟมก็ฝากไข่ไว้แล้ว คือไปตรวจร่างกาย ฮอร์โมนเราไม่ปกติ ก็ฝากไข่ไว้ก่อน”
โฟม “ไม่รู้ว่าถ้ามีจริงๆ จะพร้อมแค่ไหน แต่ว่าเราซ้อมเลี้ยงหมาหลายตัวก็น่าจะพร้อม”
เจมส์ “ผมพร้อมให้เขาเสมอ”
โฟม “จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ เล็กกว่านี้ จำนวนคนจะน้อยกว่านี้ คิดว่าในช่วงเดือนหน้า คือวางแผนมาตั้งแต่ต้นปีว่าเราจะไปที่นั่นที่นี่แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่มีเลยค่ะ”
เจมส์ “ยังเต็มที่ ยังทำต่อยาวๆ ผมว่ามันก็เป็นพาร์ตหนึ่งที่สำคัญมากๆ ของชีวิตครอบครัว พอเราทำอะไรแบบนี้ ผมว่ามันก็ก้าวข้ามอะไรบางอย่างไป งานในวงการบันเทิงมันอาจจะหลากหลายมิติขึ้นด้วย มันอาจจะดูสนุกมากกว่าอยู่ในเซฟโซนตลอดเหมือน 10 ปีที่ผ่านมา มันก็เป็นการเติบโตที่ดี”
โฟม “ถ้าจ้างก็ไปนะคะ ก็ชีวิตเราดำเนินด้วยเงิน (หัวเราะ)”
เจมส์ “ก็อยากจะบอกเขาว่ารักมากๆ พยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ก็รักครับ ไม่รู้จะพูดอะไร”
โฟม “ไม่มีเลยอะค่ะ จะทำตัวน่ารัก ก็คือเขาก็รักเราที่เราเป็นแบบนี้ จะเปลี่ยนตัวเองทำไม ไม่มีเลยค่ะ”
โฟม “ที่บ้านไม่ได้ขอ เพราะคิดว่าอนาคตจะมีลูกเอาเงินไว้ใช้ตรงนั้น ส่วนแหวน คือหนูอ่ะไม่รู้เรื่องราคา แต่ว่าที่ร้านบอกว่าเขาป๋ามาก เขาใจสู้”
เจมส์ “พอเขาโชว์มาผมน้ำตาไหลเลย คือจริงๆ อ่ะความจริงแล้ว เขาบอกว่าไม่ต้องจัดงานแต่งงานก็ได้ ถ้าเกิดว่ามันจะกระทบมาก็ได้ แต่เขาขออย่างเดียว ขอแหวน เขาชอบ เขาขอเราก็พากันไปดู อันนี้เขาเลือกเอง คือมีประสบการณ์แล้ว เลือกของขวัญให้เขาไม่ได้เลย”
โฟม “เทสไม่ได้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูช่วยดู”
โฟม “ต้องอิจฉาเจมส์ที่มีแฟนเป็นหนู เขาได้ของดีของแรร์นะ”
โฟม “เดี๋ยวดูแลให้นะคะ คือโฟมอยากจะขอบคุณแฟนคลับเจมส์ เพราะว่ากว่าที่จะถึงวันนี้ เราก็ไม่คาดคิดด้วยซ้ำในการคบกัน เราแทบจะไม่ได้พูดถึงอนาคตอันยาว จนถึงวันแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ เพราะเราค่อนข้างคิดว่ามันไม่รอดหรอก เดี๋ยวก็เลิกกัน แต่พอทุกอย่างมันผ่านไป คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งแฟนคลับที่เหมือนจำนวนเยอะขึ้นที่ยอมรับในตัวเรา ก็ต้องขอบคุณเขาที่ให้โอกาสเราได้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่เขารับเราได้”