เป็นงง หญิงชาวเขาอ่านหนังสือไม่ออกร้องนายอำเภอ ถูกหลอกกู้เงินติดหนี้แบงก์ 3 แสน
ข่าวสด January 15, 2025 08:44 PM

เป็นงง หญิงชาวเขาอ่านหนังสือไม่ออกร้องนายอำเภอ ถูกหลอกกู้เงินติดหนี้แบงก์ 3 แสน นายอำเภอป้ายแดงเร่งตรวจสอบ จี้ถามทุกฝ่าย ยืนยันให้ความเป็นธรรมแน่นอน

วันที่ 15 ม.ค.2568 นายศิริพงษ์ นำภา นายอำเภอสะเมิง พร้อมด้วยปลัดอำเภอ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนจากสภาทนายความฯ ลงพื้นที่บ้านของนายจอพอ อายุ 64 ปี และนางจันดี อายุ 57 ปี สองสามีภรรยาชาวบ้านสบห้วยฟาน ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

เพื่อสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ นางจันดี ป่วยเป็นมะเร็ง และทั้งสองอ่านหนังสือไม่ออก หลังภรรยาถูกหลอกให้เซ็นเอกสารกู้เงินธนาคารแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี52 จนปัจจุบันเป็นหนี้สะสมเกือบ 3 แสนบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง นายดี (นามสมมุติ) หัวหน้ากลุ่มสมาชิกกู้เงิน และตัวแทนเจ้าหน้าที่ธนาคาร มาสอบถามรายละเอียดการขอสินเชื่อนางจันดีครั้งนี้

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามนางจันดี เพื่อความแน่ใจว่าได้เซ็นเอกสารการกู้เงินหรือไม่ นางจันดีตอบว่าเคยเซ็นเอกสารกู้เงิน ที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ให้กู้เงิน 5 พันบาทที่ธนาคารแต่ไม่ได้รับเงิน 5 พันบาทแต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่เคยถอนเงินจำนวน 150,000 บาทเลย จนมาทราบภายหลังถูกธนาคารแจ้งว่าเป็นหนี้

ด้าน นายดี (นามสมมุติ) หัวหน้ากลุ่มกู้เงิน ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเป็นหัวหน้ากลุ่มกู้เงิน ดูแลสมาชิกหลายกลุ่ม ในส่วนของกลุ่มของนางจันดีมีสมาชิกรวมทั้งหมด 5 คน ในปี52 ได้ขอสินเชื่อจากธนาคารรายละ 150,000 บาท ลักษณะค้ำประกัน ซึ่งกันและกัน และมีการร้องขอให้สมาชิกในกลุ่มช่วยเซ็นเอกสาร เพื่อให้สินเชื่อที่ขอผ่าน

โดยสมาชิกทั้งหมดมีการเซ็นเอกสารกันที่ธนาคารและนอกพื้นที่ หลังจากนั้นเมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติ ธนาคารก็จะโอนเงินที่ขอสินเชื่อเข้าบัญชีธนาคารของสมาชิกแต่ล่ะรายอัตโนมัติ หลังได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ส่วนเรื่องการเซ็นเอกสารขอสินเชื่อของนางจันดี ยืนยันว่าสมาชิกทุกคนต้องเซ็นเอกสารค้ำประกันให้สมาชิกในกลุ่ม แต่เรื่องเงินของนางจันดีที่ถูกถอนออกไปนั้นตนไม่ทราบ

ขณะที่ตัวแทนเจ้าหน้าที่จากธนาคาร ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า มีการแอบอ้างว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารจะเปิดบัญชีธนาคารให้นางจันดี 200 บาทนั้น ประเด็นนี้การเปิดบัญชีธนาคาร เจ้าของบัญชีต้องไปเปิดบัญชีธนาคารเอง ที่ธนาคารเท่านั้น เนื่องจากต้องมมีการเซ็นลายเซ็นสลักหลังบัญชีธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้ในการเทียบลายเซ็น ขณะที่ถอนเงินทุกครั้ง พร้อมกับแนบบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของบัญชี

กรณีเงิน 150,000 ที่ยายจันดีกู้มา ก็ต้องไปดูสัญญาเงินกู้ว่า มีใครเป็นคนยื่นเรื่อง และมีใครเป็นผู้ค้ำประกัน ในส่วนของเงินที่เข้าบัญชีธนาคาร 150,000 บาท และเงินที่ถูกถอนออกจากบัญชีนางจันดี 150,000 บาท ก็ต้องไปดูเอกสารการถอนเงิน ว่าเจ้าตัวได้เซ็นถอนเงินเอง หรือมีการลงลายมือชื่อมอบฉันทะให้คนอื่นทำธุรกรรมแทนหรือไม่ หากมีการมอบฉันทะให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ก็จะรู้ว่าใคร

ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่หน้าธนาคาร ไม่สามารถนำเอกสารต่างมายืนยันได้ เนื่องจากเป็นเอกสารข้อมูลส่วนบุคคล ต้องให้เจ้าของบัญชีร้องขอ หรือมีหนังสือจากศูนย์ดำรงธรรมยื่นขอ จึงสามารถนำเอกสารต่างๆออกมาแจกแจงได้

ด้าน นายศิริพงษ์ นำภา นายอำเภอสะเมิง เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวกรณีนางจันดี ตนเพิ่งรับตำแหน่งนายอำเภอได้ 2 วัน จึงได้เดินทางลงพื้นที่พร้อมปลัดอำเภอรับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรม เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ทันที เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจาการสอบถามข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ได้ข้อเท็จจริงเป็นบางส่วน แต่ยังไม่เห็นเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งสัญญาเงินกู้ เอกสารการถอนเงิน 150,000 บาท ของนางจันดี

ซึ่งเรื่องนี้ไม่ยากในการสืบหาข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้จัดการธนาคารฯ ได้ยืนยันแล้วว่า การขอสินเชื่อต่างๆจากธนาคารต้องการมีเซ็นเอกสาร และค้ำประกัน ซึ่งกันและกัน รวมถึงระเบียบการถอนเงินจากธนาคารมีเอกสารที่ชัดเจน หลังจากนี้จะได้สั่งการให้ปลัดอำเภอที่รับผิดชอบ ออกหนังสือเชิญผู้จัดการธนาคาร สมาชิกกลุ่มกู้เงิน กำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ร้อง ไปพูดคุยที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้แจ้งให้ผู้จัดการธนาคาร นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการธุรกรรมการเงินของนางจันดีและนายจอพอไปตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ขณะที่ นายวรพงษ์ มีทรัพย์กว้าง อนุกรรมการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาทนายความฯ เปิดเผยหลังจากลงพื้นที่พูดคุยกับทุกฝ่ายแล้วว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารได้มาหาพูดจาให้นางจันดี ยอมรับสภาพหนี้ ซึ่งคนในครอบครัวไม่ยอม ทำให้วันนี้นางจันดีไม่ยอมไปที่ อบต.บ่อแก้ว ตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่เนื่องจากไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ จนในที่สุดท่านนายอำเภอต้องลงมาเอง

นอกจากนี้ได้ยืนยันว่าตนเคยเอกสารในการกู้เงิน 5 พันบาทเมื่อปี52 จริงแต่ไม่ได้เงิน 5 พันบาท ในกรณีเงินกู้ 150,000 ผู้ร้องได้ย้ำหลายครั้งแล้วว่า ไม่เคยได้กู้เงิน และใช้เงินก้อนนี้แม้แต่บาทเดียว ซึ่งหลังจากตรวจสอบเอกสารของนางจันดี พบว่าหลังบัญชีธนาคารเล่มแรกไม่มีร่องรอยลายมือชื่อของผู้ร้อง ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ว่าผู้ร้องได้รับบัญชีธนาคาร หลังจากที่เงิน 150,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารและ ออกจากบัญชีไปในวันเดียวกันเมื่อปี52 จึงไม่เข้าใจว่ามีการเบิกถอนเงินก้อนนี้ออกจากบัญชีได้อย่างไร

และยังมีเอกสารอีกชุดหนึ่งที่ต้องใช้ควบคู่กับบัญชีธนาคารคือ สมุดคู่บัญชีเงินกู้ ของนางจันดี ที่ต้องได้รับคืน พร้อมกับบัญชีธนาคาร หากมีการกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งสมุดคู่บัญชีเงินกู้จะแสดงรายละเอียดต่างๆของสถานะของผู้กู้ เช่นยอดติดค้าง ดอกเบี้ย และการชำระค่างวด เป็นต้น

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร นำเอกสารการ ทำธุรกรรมการเงินของนางจันดี มามอบให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสะเมิง ก่อนถึงจะสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมด และพิจารณาว่าจะมีการฟ้องร้องใคร

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.