MG3 ไฮบริด กะทัดรัด จัดว่าครบเครื่อง
SUB_NUM January 21, 2025 08:29 AM
คอลัมน์ : เทสต์คาร์ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง

แม้ว่าจะเปิดตัวทำตลาดในบ้านเราสักพัก สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือบีเซ็กเมนต์ อย่างเอ็มจี3 (MG3) รถรุ่นเบิกฤกษ์ และสร้างชื่อ สร้างยอดขายให้กับแบรนด์เอ็มในบ้านเรา

กลับมาครั้งนี้ เอ็มจี3 (MG3 Hybrid+) เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตลาดโลก เปิดตัวมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด ที่อัพลุกดูดีไซน์เป็นรถเอ็มจียุคใหม่มากขึ้น

ไฟหน้าแบบ LEDแบบ Hunter Eye Headlamp รับกับกระจังหน้าที่เน้นความโค้งมน พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันMG3 Hybrid+ MG3 Hybrid+

ไฟท้าย ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากปีกผีเสื้อ ให้ความรู้ถึงความไหลลื่น แต่ตรงนี้ เสียดายไปนิดว่า เอ็มจีไม่นำไฟแบบ LED มาใช้

กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว มีใบปัดน้ำฝนหลังมา เพิ่มความดุดัน ด้วยล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในห้องโดยสาร ต้องบอกว่า เหนือความคาดหมาย (เซอร์ไพรส์)MG3 Hybrid+

แม้รถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่การออกแบบช่วยเพิ่มความรู้สึกโอ่โถงสายตา โดยเฉพาะแผงคอนโซลหน้าที่โทนสีขาวตัดกับสีดำ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า รถมีมิติ สร้างความรู้สึกประทับใจ

มองผาด ๆ การจัดวางแผงคอนโซนหน้า พวงมาลัย และหน้าจอสัมผัส เหมือนถูกหยิบยกมาจากรถอีวี อย่างเอ็มจี4 (MG4)

หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อม Interface เสริมการทำงานด้วยปุ่ม Home และปุ่ม Hotkeys ต่าง ๆ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

มีช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 ช่องที่ด้านหน้า และอีก 1 ช่อง USB-A สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มีลำโพง 6 ตำแหน่ง เอ็มจียังใส่ระบบกล้องมอง 360 องศามาให้ และระบบความปลอดภัยมาให้อีกเพียบทั้งระบบเบรก ABS/EBD/EBA, ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESSMG3 Hybrid+

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA และระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW

มีการเตือนการชนด้านหน้า ขณะขับขี่ FCW, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB, ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW, ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC ฯลฯ

พร้อมระบบสร้างกระแสไฟฟ้าจากการเบรกกลับไปยังแบตเตอรี่ Kinetic Energy Recovery System-KERS ปรับได้ 3 ระดับ

เลื่อนสายตาลงมาที่คอนโซลกลาง มีปุ่มเกียร์ไฟฟ้าสั่งงานแบบระบบหมุน และมีปุ่มเบรกมือไฟฟ้า, Auto Vehicle Hold (AVH) รวมไปถึงปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ คือ ECO, NORMAL และ SPORT

ส่วนเบาะนั่งคู่เป็นการปรับมือ ฝั่งผู้ขับปรับได้ 6 ทิศทาง ผู้โดยสารคู่หน้าปรับได้ 5 ทิศทาง เสียดาย ตรงนี้ เอ็มจีน่าใส่ระบบปรับไฟฟ้าสำหรับผู้ขับมาให้ก็ยังดีMG3 Hybrid+

การทดสอบครั้งนี้เลือกใช้เส้นทางในเมืองเป็นหลัก หลังจากรับรถมาเซอร์ไพรส์ที่สอง คือ พลังกำลังของเครื่องยนต์ไฮบริดของเอ็มจี3 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ให้กำลังสูงสุดรวม 193 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ไฟฟ้า E-AT 3 สปีด ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาประมาณ 8 วินาที

ช่วงออกตัวนั้น ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ รถยนต์ไฟฟ้า เงียบเชียบใช้ได้ จนบางจังหวะ ลืมไปว่าเรายังขับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบไฮบริดอยู่ เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว เครื่องยนต์เข้ามาแทนที่ พร้อมตอบสนอง ทำให้เจ้าเอ็มจี3 คันนี้ ทะยานออกไปแบบทันอกทันใจ

ส่วนเรื่องความคล่องตัวในจังหวะขับในเขตเมืองที่ต้องอาศัยความซอกแซก รถคันนี้ทำได้อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยความเป็นสไตล์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู ทำให้จังหวะเข้า-ออกนั้นทำได้เนียน แม่นยำMG3 Hybrid+

ส่วนช่วงรอยต่อระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ถือว่า เอ็มจีเซตมาได้ค่อนข้างเนียนแทบจะไม่รู้ นอกจากเวลาเสียงของเครื่องยนต์ดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร

ช่วงล่าง เอ็มจี3 ตอบสนองดี ให้ความมั่นใจแม้ว่าบางจังหวะจะวิ่งด้วยความเร็วสูง ส่วนการซับแรงกระแทก อาการโคลงของตัวรถ ถือว่ารับได้ ค่อนไปทางดี

เอ็มจี3 ถือเป็นรถยนต์ซิตี้คาร์ที่ราคาน่าคบ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น D ราคา 579,000 บาท และรุ่น X ราคา 619,900 บาทMG3 Hybrid+ MG3 Hybrid+ MG3 Hybrid+

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.