การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2024-25 รอบลีก เมื่อวันที่ 22 มกราคม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส เปิดสนามปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ รับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ
เกมนี้เจ้าบ้านส่ง เดซิเร ดูเอ, บราดเลย์ บาร์กโกลา, ฟาเบียน รุยซ์ ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนใช้งาน เออร์ลิง ฮาลันด์, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเดน
ครึ่งแรกนาที 13 แนวรับเปแอสเชเคลียร์บอลไม่พ้นจากเขตโทษ ซาวินโญ ยิงจังหวะแรกไปติดกองหลัง ลูกกระดอนมาหา เควิน เดอ บรอยน์ ยิงซ้ำอีกที จานลุยจิ ดอนนารุมมา เซฟไว้ไม่ให้แมนฯ ซิตี้ได้ประตู
นาที 27 เปแอสเชได้ลูกเตะมุมฝั่งซ้าย อี คังอิน เปิดเข้ากลางแล้วแนวรับแมนฯ ซิตี้สกัดไม่ดีไปเข้าทาง ฟาเบียน รุยซ์ ได้ยิงจ่อๆ ยอสโก กวาร์ดิโอล บล็อกจากปากประตูได้แบบหวุดหวิด
นาที 39 แมนฯ ซิตี้ได้สวนกลับเร็ว เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายบอลขึ้นหน้า ฟิล โฟเดน รับได้แล้วส่งต่อให้ ซาวินโญ กระชากหลุดเข้าพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษก่อนสับไกยิง จานลุยจิ ดอนนารุมมา ยังเหนียวเซฟไว้ได้
นาที 44 นูโน เมนเดส หลุดเข้าเขตโทษไปเผชิญหน้านายทวาร ก่อนตัดสินใจจ่ายไปให้ บราดเลย์ บาร์กโกลา ที่แปะต่อให้ อัชราฟ ฮาคิมี ยิงเข้าไป แต่วีเออาร์พบว่าเกิดการล้ำหน้าในจังหวะเล่นของเมนเดสไปก่อน เปแอสเชจึงชวดได้ประตู และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลังนาที 50 มานูเอล อาคันจี เลี้ยงลุยผ่านกองหลังเข้าทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ แบร์นาร์โด ซิลวา ยิงไปติดเซฟนายทวาร แต่ลูกยังขลุกขลิกอยู่หน้าประตูจนมาเข้าทาง แจ๊ก กรีลิช ยิงซ้ำอีกทีไม่เหลือซาก แมนฯ ซิตี้นำ 1-0
นาที 53 แจ๊ก กรีลิช รับบอลได้ทางด้านซ้ายของเขตโทษแล้วจ่ายเข้ากลางหวังให้เพื่อนยิง แนวรับเปแอสเชสกัดแล้วกลายเป็นว่าไปเข้าทาง เออร์ลิง ฮาลันด์ ยิงเผาขนไม่มีพลาด แมนฯ ซิตี้ทิ้งห่าง 2-0
นาที 56 บราดเลย์ บาร์กโกลา กระชากบอลสปีดหนีกองหลังจนเข้าถึงพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนตบเข้ากลางให้ อุสมาน เดมเบเล ยิงตุงตาข่าย เปแอสเชไล่มาเป็น 1-2
นาที 60 ฟาเบียน รุยซ์ จ่ายบอลให้ เดซิเร ดูเอ ปั่นจากพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษไปชนคาน ลูกกระดอนมาเข้าทาง บราดเลย์ บาร์กโกลา ยิงซ้ำอีกทีเข้าประตูไป เปแอสเชตีเสมอ 2-2
นาที 70 เปแอสเชเกือบแซงนำ อุสมาน เดมเบเล เลี้ยงจี้เข้าทางด้านขวาของเขตโทษ จากนั้นแตะบอลลอดขาผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ แล้วยิงมุมแคบ บอลพุ่งไปชนคานเต็มๆ
นาที 78 แฟนบอลได้เฮลั่นสนาม วิตินญา เปิดฟรีคิกจากทางกราบขวาโค้งไปหน้าประตูแล้วลูกหลุดไปถึงเสาสอง ชูเอา เนเวส ที่ไร้ตัวประกบจึงได้โขกเสียบตาข่าย เปแอสเชนำ 3-2
นาที 83 นูโน เมนเดส รับบอลได้ทางด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนจะจ่ายให้ กอนซาโล รามอส สะกิดต่อไปถึง อุสมาน เดมเบเล ยิงเผาขนตุงตาข่าย แต่เดมเบเลยืนในตำแหน่งล้ำหน้าเสียก่อน เปแอสเชเลยไม่ได้ประตูเพิ่ม
นาที 84 อุสมาน เดมเบเล สร้างโอกาสลุ้นประตูให้เปแอสเชอีกครั้ง คราวนี้ได้บอลทางกราบขวาแล้วเลี้ยงบุกจนเข้าไปถึงพื้นที่เขตโทษ ก่อนยิงด้วยซ้ายหวังยัดเสาแรก เอแดร์ซอน โมไรส์ ยังไวล้มตัวปัดทิ้งทัน
นาที 90 ยังเป็นเปแอสเชที่สบโอกาสลุ้นสวยๆ อุสมาน เดมเบเล ได้บอลทางกราบขวาแล้วลากตัดเข้ามาบริเวณหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายทะลุแนวรับให้ กอนซาโล รามอส ได้ยิงจ่อๆ เอแดร์ซอน โมไรส์ ยังขยับมาปิดมุมบล็อกได้ทัน
นาที 90+3 กอนซาโล รามอส ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านนายทวารไม่เหลือซาก ซึ่งเดิมทีผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า แต่ผลการเช็กวีเออาร์พบว่าจังหวะก่อนหน้านั้นถือเป็นการสกัดของผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ไปเข้าเท้ารามอสเอง ทำให้เปแอสเชได้ประตูเพิ่มและชนะไป 4-2
ผ่านไป 7 นัด เปแอสเชเก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน ขยับขึ้นมาอันดับ 22 ซึ่งเป็นพื้นที่เข้ารอบเพลย์ออฟ ส่วนแมนฯ ซิตี้มี 8 คะแนน หล่นไปอันดับ 25 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตกรอบ โดยมีแต้มห่างจากพื้นที่เข้ารอบเพลย์ออฟ 2 แต้ม
ทางด้าน “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล จากอังกฤษ เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ไล่ถล่มดินาโม ซาเกร็บ จากโครเอเชีย 3-0
เจ้าบ้านได้ประตูจาก เดแคลน ไรซ์ นาที 2, ไค ฮาแวร์ตซ์ นาที 66, มาร์ติน โอเดการ์ด นาที 90+2
ผ่านไป 7 นัด อาร์เซนอลมี 16 คะแนน อยู่อันดับ 3 และจ่อเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเต็มที ส่วนดินาโมมี 8 คะแนน รั้งอันดับ 26 ซึ่งเป็นพื้นที่ตกรอบ
ผลคู่อื่น ไลป์ซิก (เยอรมนี) ชนะ สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) 2-1, ชักตาร์ โดเน็ตส์ก (ยูเครน) ชนะ แบรสต์ (ฝรั่งเศส) 2-0, เรอัล มาดริด (สเปน) ชนะ เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก จากออสเตรีย 5-1, เฟเยนูร์ด (เนเธอร์แลนด์) ชนะ บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) 3-0
สปาร์ตา ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) แพ้ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 0-1, เอซี มิลาน (อิตาลี) ชนะ จิโรนา (สเปน) 1-0, เซลติก (สกอตแลนด์) ชนะ ยัง บอยส์ (สวิตเซอร์แลนด์) 1-0
อันดับบนตารางคะแนน 8 อันดับแรก หลังผ่านไป 7 นัด (พื้นที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย)
1. ลิเวอร์พูล (21 คะแนน) ***เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว***
2. บาร์เซโลนา (18 คะแนน) ***เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว***
3. อาร์เซนอล (16 คะแนน)
4. อินเตอร์ มิลาน (16 คะแนน)
5. แอตเลติโก มาดริด (15 คะแนน)
6. เอซี มิลาน (15 คะแนน)
7. อตาลันตา (14 คะแนน)
8. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน (13 คะแนน)