‘แทนคุณ’ ยื่นเรื่อง ‘วันนอร์’ จี้สอบ ขบวนการหลอกลวง อ้าง วิ่งเต้นให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษได้ ถ้าจ่ายเงิน
เวลา 10.30 น. วันที่ 23 มกราคม ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตอิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรร ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือ ขอให้มีการตรวจสอบ กรณีขบวนการหลอกลวงผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกลวงในคดีฉ้อโกงประชาชน และคดีที่เกี่ยวข้องตามเกณฑ์การรับคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
โดยกล่าวอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ ตามรายละเอียดที่ปรากฎเป็นหลักฐานในการแชตไลน์ ว่ามีการการเรียกร้องต่อผู้ร้องเรียนในอัตราราคาดังนี้ หากยอดไม่ถึง 500,000 คิดค่าดําเนินการให้เคสละ 5,000 บาท ไม่เกิน 1,500,000 บาท คิด 10,000 บาท เกินจากนี้ คิด 15,000 บาท
โดยกล่าวอ้างว่า เพราะเวลายึดทรัพย์ อายัดทรัพย์หรือได้รับการเยียวยาก็ต้องตามสัดส่วนความเสียหาย ส่วนการทําเอกสาร ยื่นเอกสาร ทําคําร้องเฉพาะบุคคลของแต่ละความเสียหาย ให้ไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด โดยการทําแบบนี้จะไม่ใช่ ผิดพ.ร.บ.เล่นแชร์ หรือคดีแพ่งแน่นอน
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีการแอบอ้างบุคคลระดับผู้อํานวยการ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์ วัฒนศักดิ์ โดยมีการทําเสมือนว่าได้ติดต่อประสานงานกัน และกล่าวอ้างถึงความเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เช่น ข้อความว่า “ผอ.ต้อง นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์ วัฒนศักดิ์ ไปประชุมที่เวียดนาม กับคณะรัฐมนตรีกลับพรุ่งนี้ หรือข้อความว่า เค้าถามว่าเอกสารอะไรเตรียมหรือยัง
เพชรบอกเพชรไม่ได้ทํา แต่พวกผู้เสียหายคงมีทําบ้างแล้ว เค้าเลยบอกว่าช่วงบ่ายจะแจ้งแต่อยากให้เพชรทําให้เรียบร้อยจะจัดการให้ และข้อความว่า รวมถึงวิธีลัดช่วยเบียร์ด้วย นี่ไม่ได้นอนทีนะ รอคุยเพิ่งวางสาย”
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายอังศุเกติ์ เป็นผู้อํานวยการกองกิจการอํานวยความยุติธรรมจริง แต่ตนเชื่อว่ามิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ จากการที่มีผู้นําชื่อของท่านไปแอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์ต่อผู้เสียหายในคดีอาญาหลายราย และสร้างความเสียหายให้กับตัวท่านเองและองค์กร
ดังนั้น ทางชมรมจึงได้แนบข้อความแชตไลน์และพยานหลักฐานมาเพื่อให้ทางรัฐสภาได้ตรวจสอบถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งทําหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องรวมดังกล่าว เนื่องจากผู้เสียหายได้กล่าวอ้างว่า บุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นมักแอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐในด้านความยุติธรรมและเรียกรับเงิน รวมทั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่นที่จังหวัดสงขลา และมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ เพื่อให้ สังคมได้รับความกระจ่างถึงการทําหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใสหน่วยงานรัฐและกระบวนการยุติธรรม