นนทบุรี สาวพยาบาลวิชาชีพเทศบาล ร้องมูลนิธิดัง ถูกแอบถ่ายใต้กระโปรงคดีไม่คืบจนป่วยซึมเศร้า

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 68 ที่สำนักงานทนายความมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ดจังจ.นนทบุรี  น.ส.ธัย์ชนก หรือโบว์ อายุ 39 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สังกัด กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองบ้านฉาง จังหวัดระยอง นำเอกสารหลักฐานต่างๆเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ว่าที่ร้อยตรีรภัทรสิทธิ์  ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ, น.ส.สิรามล รอดพิบัติ  ทนายสาวประจำสำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม  ร่วมกันรับเรื่องราวร้องเรียนตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือในด้านคดี หลังผู้เสียหายถูกพนักงานขับรถเทศบาลตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง แอบถ่ายใต้กระโปรงจนตนเองได้รับความอับอายต้องเสียชื่อเสียง แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด แต่คดีไม่คืบ อีกทั้งตัวคนก่อเหตุซึ่งถูกให้ออกจากงานกลับได้เข้ามาทำงานในหน่วยงานเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนเองเครียดจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องหาหมอกินยาทุกวัน รวมทั้งทำเรื่องขอย้ายมาทำงานที่เทศบาลบ้านฉางในปัจจุบัน เพื่อหนีภาพความทรงจำอันเลวร้ายในที่ทำงานเดิม อยากให้คนก่อเหตุถูกดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้คนอื่นตกเป็น เหยื่อ และกลัวว่าเขาจะไปก่อเหตุแบบนี้กับหญิงอื่น เพราะมีภาพแอบถ่ายใต้กระโปรงตในโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุนับ 1,000 รูปภาพ

น.ส.ธันย์ชนก เล่าต่อว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 66 ขณะตนเองกำลังเซ็นชื่อ เข้างานที่เทศบาลเมืองมาบตาพุดช่วงเวลา 08.00 น ขณะนั้นมีนายชวภณ  อายุ 30 ปี คนขับรถของเทศบาลยืนอยู่ด้านหลังตนเอง เพื่อรอเซ็นชื่อต่อ แต่ตนไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งมีเพื่อนพนักงานในเทศบาลกระซิบตนว่า ถูกนายชวภณ ใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายใต้กระโปรง จนกระทั่งทางผู้ใหญ่ได้มีการเรียกขึ้นไปพูดคุย เจรจากัน โดยนายชวภณ ได้ก้มกราบเท้าขอโทษตนเอง และมีการเปิดภาพดูในโทรศัพท์มือถือของผู้ก่อเหตุพบว่ามีภาพลามกถ่ายใต้กระโปรงของผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวต่างๆ ในแต่ละที่ที่ผู้ก่อเหตุได้แอบถ่ายไว้เป็นจำนวนมาก ตนเองถึงกับช็อคตกใจเป็นอย่างมาก และได้ทำเรื่องขอย้ายที่ทำงานจากเทศบาล มาบตาพุดมาที่เทศบาลเมืองบ้านฉางในปัจจุบัน

ต่อมาตนเองได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด ไว้เป็นหลักฐาน ส่วนทางเทศบาลได้ให้ผู้ก่อเหตุลาออกจากงาน แต่แล้วจู่ๆ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาปรากฏว่านายชวภณ กลับได้เข้ามาทำงานในเทศบาล มาบตาพุดเหมือนเดิม ทำให้ตนเองรู้สึกกลัวและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนรู้สึกฝันร้าย นอนไม่หลับเลยแต่ละคืน จนต้องล้มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไปหาหมอและกินยาอยู่ทุกวันนี้ ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และก็ไม่อยากให้เขาไปก่อเหตุแบบนี้กับหญิงสาวรายอื่นอีก

ทางด้านว่าที่ร้อยตรีรภัทรสิทธิ์  รองประธานมูลนิธิ เปิดเผยว่า คดีนี้ตนเองจะพาไปผู้เสียหายไปติดตามความคืบหน้าของคดี ที่ สภ.มาบตาพุด ว่าคดีดำเนินการไปถึงไหนแล้ว การกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่าย "กระทำอนาจารแก่บุคคล กว่า 15 ปี มีความผิดตามมาตรา 278 โทษจำคุก ไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ" และหากพบว่ามีการนำภาพถ่ายใต้กระโปรงของผู้เสียหายไปเผยแพร่ก็จะเจอข้อหา "นำภาพข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยผิดกฎหมาย" อีกข้อหาหนึ่ง ซึ่งทั้งสองข้อหามีอัตราโทษทั้งจำทั้งปรับ ผู้เสียหายเองก็ต้องการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอีกด้วย