เป็นอีกหนึ่งคนดังที่คลั่งไคล้และชื่นชอบกางเกงยีนส์เป็นชีวิตจิตใจ สำหรับพระเอกหนุ่ม ต่อ ธนภพ ที่มีกางเกงยีนส์สะสมกว่า 150 ตัว อีกทั้งยังดูแลรักษาประดุจดั่งน้องชายอีกต่างหาก ซึ่งนอกจากจะหลงใหลกางเกงยีนส์แล้วนั้น เจ้าตัวยังดูจะหลงหลานชายตัวน้อยอีกด้วย
ล่าสุดเมื่อเจอหนุ่มต่อมาร่วมงานเปิด “ห้างเซ็นทรัลบางรัก” โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ ในคอนเซ็ปต์ “Village of Love” ณ บริเวณชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลบางรัก ก็ได้เปิดใจถึงการเป็นสาวกของกางเกงยีนส์แบบเต็มตัว พร้อมเล่าความผูกพันของตัวเองกับหลานชายให้ฟังว่า
“ซื้อ ก็มีตัวใหม่มา ยังไม่ได้แกะป้ายอยู่”
“แม่ผมไม่คุยด้วยเรื่องนี้ จริงๆ อันนี้วงเล็บว่าโกรธนิดๆ แต่พยายามข่มไว้อยู่”
“เขาถามช่วงแรก ๆ จนตอนนี้ไม่อยากถามแล้ว เคยเป็นไหมเวลาที่สุดท้ายพ่อแม่เขาเลือกที่จะอยากทำอะไรทำ แต่ว่าผมดูแลดีหมดกางเกงยีนส์ผมไม่มีฝุ่น ผมให้พี่เต (ตะวัน) กับพี่เฟย (ภัทร) เช็กแล้ว ไร้กลิ่นนะ ผมจะดูแลมันอย่างดุจน้องชายคนหนึ่ง”
“จริงๆ ต่ออาจจะเป็นคนแค่ไม่ค่อยมีเหงื่อ มันก็เลยไม่ค่อยสะสมอะไรเท่าไหร่”
“จริงๆ อันที่เคยทำพิเศษไว้ที่ห้อง ตอนนี้มันกำลังจะหัก คือน้ำหนักมันเยอะเกิน ก็อาจจะคาดการณ์ผิดนิดหน่อย”
“ผมจับมันทุกคืน ห้องมันจะทาง Walk-in Closet กำแพงฝั่งหนึ่งคือยีนส์ทั้งหมด (ก็คือไม่มีกลิ่นเลย?)
หอมสดชื่น”
“จริงๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของคนชอบมี แต่มันอาจจะดูไม่ปกติของการสมมุติเรามียีนส์ผ้าดิบประมาณ 70 ตัว คนจะบอกว่าเหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่าไม่ มันคนละน้ำเงิน”
“ผมกับพี่โอ้ (มาริโอ้ เมาเร่อ) คุยรู้เรื่องเลย”
“ไม่ ของผมก็คือการที่ผมเห็นกางเกงสักตัวแล้วรู้สึกว่าอันนี้มันคือของๆ เรามันก็จะก้าวเข้าสู่ครอบครัวเรา”
“ก็คุยกับเขา จนเขาบอกว่าถ้าเกิดไปซื้ออะไรแบบนี้เรียกต่อเถอะ”
“จริงๆ กันรู้ก่อนใครเลยว่าผมมีเยอะมาก (แล้วรู้ไหมว่ากางเกงยีนส์กันตัวหนึ่งมีราคาเป็นแสน?) ผมก็มี (แพงสุดเท่าไหร่?) บอกไม่ได้เดี๋ยวคนเขาหาว่าโชว์ (หมายถึงถ้าเทียบกับกันแล้ว?) ผมว่ามันคนละแบบ หมายถึงว่าของผมก็คือ ผมมองว่ายีนส์ก็คือยีนส์ ไม่ว่าจะเป็นลักชัวรี่ หรือไม่เป็นลักชัวรี่ ผมมองว่ามันคือยีนส์ มันแล้วแต่มุมมองแฟชั่นทุกอย่าง แต่เอาเป็นว่าผมรักของที่ผมซื้อแล้วกัน”
“(ทำนิ้วจุ๊ๆ)”
“ดี ผมพูดจริง แม่บ้านที่ทำทุกอย่างในบ้าน ยังแตะยีนส์ผมไม่ได้เลย ไม่ให้ใครยุ่ง”
“ครบ (จันทร์-ศุกร์วันละตัวไหม?) แล้วแต่ช่วงครับ บางตัวถ้าเห่อหน่อยก็อาจจะตัวละอาทิตย์ แล้วก็สลับ แต่ว่าเดี๋ยวนี้จะมีของใหม่ก็คือเป็นราวพักยีนส์ เพื่อกันความสับสน คือผมใส่แล้วน้องจะไปอยู่ในราวพักก่อน เมื่อหมดอาทิตย์ถึงจะรีขึ้นใหม่”
“คนมันชอบอ่ะ ผมก็พูดยาก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมผมถึงซื้อ (ยิ้ม)”
“มี แต่เราพูดชื่อแบรนด์เขาไม่ได้หรอก แต่ถ้าวันหนึ่งเราร่วมงานกัน ผมจะพูดให้กระฉ่อนเลย คือผมแค่มองว่าถ้าในฐานะเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผมว่ามันเป็นจุดกึ่งกลางของเสื้อผ้าที่เราจะทำให้มันทางการก็ได้ หรือไม่ทางการก็ได้ ก็เลยรู้สึกว่ามันคัฟเวอร์เยอะ
“ก็งานเลโก้ที่เราเจอกัน ผมก็เอาเลโก้ให้หลาน ช่วงปีนี้ที่ได้พักกองก็จะอยู่กับเขาเยอะหน่อย เพราะว่าปีที่แล้ว 11 เดือนที่ออกกองคือออกจนเขาไม่สนิทกับผม ออกจนเขารู้สึกว่า วันหนึ่งผมนั่งอยู่ห้องพัก แล้วอยู่ๆ ก็เดินเข้ามา แล้วถามว่าหายไปไหนมา มันคือช่วงที่ขึ้นไปถ่ายการุณยฆาตเยอะๆ เขาก็จะถามว่าหายไปไหนมา”
“บ้านเราครอบครัวใหญ่ เรามีหลายคนช่วยดูแลอยู่”
“คือหลานจะเป็นจุดทำให้คนมาอยู่ด้วยกัน จริงๆ พี่ชายผมเขาก็มีบ้านของตัวเอง แต่ว่าบ้านผมจะไปโรงเรียนของหลานได้ง่ายกว่าและเราก็มีคนรถ เราไปส่งหลานให้ได้”
“วันที่ทักน่ะตกใจ เพราะรู้สึกว่า คือเรายังไม่ลืมคนเลย แต่ลืมคิดไปว่าเขาเป็นเด็ก เขาอาจจะรู้สึกว่านานจัง แต่ที่จริงมันอาจจะแบบ 2 เดือนไม่เกินนี้”
“หลานผมชอบทำขนมขนมจากใบไม้ เหมือนเด็กเล่นขายของ ตัดจนต้นไม้จะไม่เหลืออยู่แล้ว ที่บ้านตัดทุกวัน”
“ส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงด้วยลำแข้ง พูดเล่น (ยิ้ม) ส่วนใหญ่จะพยายามคุยกับเขาเป็นเหตุเป็นผล แต่เหมือนผมว่าอายุเขากำลังเข้าสู่วัยต่อต้าน สมมุติว่าเราพูดว่าอันนี้ดีเขารู้นะว่าดีแต่ขอบอกนิดนึงว่าไม่ดี แต่จริงๆ รู้แล้ว เข้าใจแล้ว”
“4 ขวบกำลังจะ 5 ขวบ”
“ผมเป็นคนใจร้ายในบ้าน ทุกคนมอบหน้าที่ให้ เพราะทุกคนอยากเป็นนางฟ้าของเขา และผมเป็นคนที่ไม่อยู่บ้านเยอะสุด เพราะทำงาน ทุกคนก็จะบอกผมห้ามทั้งๆ ที่ผมยังไม่พูดอะไรเลย”
“ไม่ เพราะผมเป็นคนที่ถ้าเวลามี จะคุยกับเขา แล้วจะคุยกันรู้เรื่องและจะไม่ปล่อยให้เขาหนี”
“ไม่ ผมว่ามันก็แล้วแต่อารมณ์เด็กแหละครับ เพราะว่าเราชอบเด็ก คือสุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักในสายตาเรา และแม่เราก็จะพูดเสมอ สมมุติเขาทำอะไรที่เรารู้สึกห๊ะ!! แม่ก็จะพูดไว้ว่าตอนเด็กเหมือนกันเด๊ะ เหมือนก๊อปปี้กันออกมา
“ต่อเลโก้ เพราะเขาดูเก่งเรื่องนี้ และฟิลแบบว่าวาดรูป เราไปด้วยกันได้”
“จริงๆ มันอาจจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองก็ได้นะที่มีที่พักหลายที่ (ยิ้ม)”
“คือวันหนึ่งคงมี แต่ผมยังไม่คิดว่าจะมีตอนนี้ เพราะผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ผมยังให้ครอบครัวไม่ดีเท่าที่ควร ก็เลยรู้สึกว่าถ้ายังอยู่บ้านได้ไม่เยอะพอ จะต้องมีที่อื่นอีกเหรอ มันก็จะกลายเป็นว่าไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นหลักเป็นแหล่ง?
“ก็อย่างเช่น สมมุติพ่อแม่ชอบบอกว่า บ้านที่สร้างให้คือบ้านเรา แต่ในมุมเราวันหนึ่งถ้าเราอยากมีบ้าน เราก็อยากจะสร้างบ้านตัวเอง เพราะเรารู้สึกว่าเราให้เขาไปแล้ว ต่อให้เขาพูดว่ามันคือของเรา เราก็รู้สึกอยู่ดีว่าไม่ มันคือของเขา”
“ใช่ จริงๆ ก็มีอ้อนคนอยู่ อยากได้ที่หนึ่ง แต่เขาไม่ขาย (เราพยายามตื้อ) หลายปีแล้ว
“เพราะมันจะทำให้ฝันของผมเป็นจริงขึ้นอีกนิดนึง มันจะสามารถทำให้เกิดบ้านในฝันของผมได้”
“ไม่ได้ขนาดนั้น บ้านในเมืองนี่แหละ (แล้วมันพิเศษยังไง?) เอาเป็นว่ามันพิเศษแล้วกันคนอื่นไม่พิเศษหรอก แต่ผมพิเศษ
“ไม่ครับ มันสะดวกสำหรับผม แต่อาจจะไม่สะดวกสำหรับใครเลย (หัวเราะ) เป็นพื้นที่ปกติ แค่ชอบเป็นพิเศษ”