เอฟเฟ็กต์ ‘ทรัมป์’ คลื่นทุน สินค้าไหลเข้าไทย ดัน ‘อีอีซี’ ผงาด โอกาสทองอสังหา ที่ดินราคาพุ่ง
GH News January 24, 2025 12:23 AM

เอฟเฟ็กต์ ‘ทรัมป์’ คลื่นทุน สินค้าไหลเข้าไทย ดัน ‘อีอีซี’ ผงาด โอกาสทองอสังหา ที่ดินราคาพุ่ง

กำลังเป็นที่จับตา ต่อการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 ว่าจะสร้างโอกาส หรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง?

มีมุมมองสะท้อนจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต่างมองว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย

สินค้าจีนทะลัก-ส่งออกวูบ-ซื้ออสังหาลดลง

นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า นโยบายของทรัมป์ 2.0 อาจจะส่งผลไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทยหลายด้าน เรื่องแรกการที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้าจีน จะมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศจีนชะลอตัวและมีผลต่อการลงทุนและซื้ออสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2568 ที่จะปรับตัวลดลงไปจากปัจจุบัน เรื่องที่สองมีแนวโน้มกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยชะลอตัวไปด้วย เนื่องจากสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐมีความเสี่ยงจะถูกตั้งกำแพงภาษีเพิ่มมากขึ้น เรื่องที่ 3 มีแนวโน้มที่ทรัมป์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ไม่ให้สินค้าราคาสินค้าแพง ทำให้เงินทุนไหลเข้าไปในสหรัฐ ส่งผลต่อตลาดทุนและหุ้นไทยมีความผันผวนและเรื่องที่4 จากนี้จะเห็นสินค้าจีนทะลักเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น หลังทรัมป์ปรับขึ้นภาษี เช่น วัสดุก่อสร้าง สินค้าเทคโนโลยีสูง เป็นต้น

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย มองว่า จาก 10 นโยบายของทรัมป์ 2.0 มองว่าประเทศไทยน่าจะได้อานิสงส์จากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากด้วยศักยภาพของประเทศไทยที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมายังประเทศไทยได้มากขึ้น เมื่อต่างชาติเข้ามามากจะทำให้มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัย จึงน่าจะส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะถัดไป ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เครื่องยนต์กระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 คือภาคการท่องเที่ยวที่มีความหวังมากกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกเรื่องคืองบประมาณการลงทุนของรัฐบาล และการเข้ามาลงทุนของต่างชาติที่เป็นการลงทุนโดยตรงหรือเอฟดีไอ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาลงทุนจำนวนมาก เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นผลในระยะกลางและระยะยาว ที่เหลือคือการสร้าง
เซนติเมนต์ให้ดีมากขึ้นกว่านี้

“ถามว่าการรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะสะเทือนถึงเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ต้องดูให้ชัดเจนว่าเขาจะทำอะไร โดยมองว่าสิ่งที่เขาหาเสียงกับสิ่งที่จะทำ ไม่มีทางที่จะทำได้ 100% แต่ว่ามีแนวโน้มกระทบเศรษฐกิจไทยแน่ โดยเฉพาะภาคการส่งออก และเรื่องของความไม่แน่นอนทำให้เซนติเมนต์คนมันมีความระแวงการขับเคลื่อนทุกอย่าง แต่ถ้าภาพมันชัดจะรันทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ส่วนผลดีคือมีการลงทุนย้ายมายังประเทศไทยมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมจากไต้หวัน” นายนพรกล่าว

นักลงทุนแห่ย้ายปักหลักไทย

นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบ และก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 ส่วนหนึ่งของนโยบายที่ประกาศ เป็นเรื่องการจัดการภายในประเทศ และการจัดการความมั่นคงชายแดน อาทิ การฟื้นฟูระบบทหารและการศึกษา การสร้างความสามัคคีและการสร้างสันติภาพ การประกาศภาวะฉุกเฉินชายแดนใต้ ยุติการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่งคืนผู้กระทำผิดต่างชาติ การส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร

สำหรับนโยบายที่น่าจะส่งผลถึงการค้าการลงทุนของประเทศต่างๆ ก็จะเป็นนโยบายการปฏิรูประบบการค้า และการจัดเก็บรายได้จากภาษีศุลกากร รวมถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมในประเทศ คือ 1.อัตราภาษีศุลกากร ยังไม่ชัดเจนว่าสำหรับกลุ่มอาเซียนและประเทศไทย จะถูกจัดเก็บเพิ่มขึ้นเท่าใด จะส่งผลกระทบแค่ไหนเพียงใด เพราะสหรัฐอเมริกา ยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย

2.การกำหนดอัตราภาษีสินค้าจากประเทศจีนในอัตราสูงก็มีความเป็นไปได้ ที่จะมีการย้ายกำลังการผลิตส่วนหนึ่งมาประเทศไทยซึ่งส่งผลดีต่อประเทศไทย 3.การถอนตัวจากข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะทำให้ประเทศคู่ค้าไม่ถูกกีดกัน-กดดัน โดยเหตุผลเรื่องปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.นโยบายการผลิต พลังงาน เชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศมากขึ้น

นายอิสระกล่าวว่า สำหรับผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยมองว่านโยบายของทรัมป์ ไม่ได้ส่งผลโดยตรง แต่ส่งผลในทางอ้อมจากปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ที่มีต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทย อย่างการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน เป็นผลดีต่อการลงทุนในประเทศไทย และมีผลต่อดีเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทางอ้อม คือด้านการก่อสร้าง และใช้วัสดุก่อสร้าง การจ้างแรงงาน ความต้องการที่อยู่อาศัย ที่ตามมาในพื้นที่อุตสาหกรรม หรือพื้นที่ใกล้เคียง จากทั้งแรงงานคนไทย เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคด้านต่างๆ และผู้ประกอบธุรกิจรวมถึงครอบครัว ซึ่งจำเป็นต้องมีหรือย้ายที่อยู่อาศัย

“ด้านการเพิ่มการผลิต พลังงานจากฟอสซิลเพิ่มขึ้น ต้องดูว่าปริมาณจะมากพอที่จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงหรือไม่ ถ้าราคาลดลงก็ส่งผลดี เพราะสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ น้ำมันเป็นปัจจัยการผลิตทางอ้อมที่ผ่านค่าขนส่ง” นายอิสระกล่าว

‘อีอีซี’ ผงาดทำเลทอง-เช่า 99 ปี-ที่ดินพุ่ง

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวว่า นโยบายสำคัญของทรัมป์คือการต่อสู้กับจีนซึ่งคงจะเข้มข้นขึ้น  นโยบายนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมที่ผลิตในจีนต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศในอาเซียน ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย กรณีนี้คล้ายกับปี 2528-2529 ที่โรงงานน้อยใหญ่ในญี่ปุ่นทยอยย้ายเข้ามาในอาเซียนโดยเฉพาะไทย จึงทำให้ราคาที่ดินไทยเพิ่มกระฉูดขึ้นอย่างหนักในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 2534

“ถ้ามีโรงงานจีนย้ายเข้ามามากในครั้งนี้จะส่งผลให้ภูมิภาคระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ของไทยเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมมากกว่าที่อื่น ซึ่งในภูมิภาค EEC นี้ต่างชาติสามารถใช้เงินตราตนเองได้ เช่าที่ดินได้ 99 ปี ซื้อห้องชุดได้ 100% จ้างแรงงานของตนเองได้ง่าย เสียภาษีน้อย ได้รับการอำนวยความสะดวกจากสำนักงาน EEC เป็นอย่างมาก” นายโสภณกล่าว

นายโสภณกล่าวว่า ในทำนองเดียวกัน ถ้าจีนได้รับผลกระทบจากการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ไทยอาจได้รับผลดีจากความสามารถในการส่งออกมากขึ้น ถึงแม้ไทยจะเกินดุลการค้ากับจีน แต่ก็ในสัดส่วนที่น้อยกว่าจีนมาก และโดยที่สหรัฐก็ถือไทยเป็นมิตรประเทศที่น่าจะสามารถเป็นรัฐที่จะยับยั้งอำนาจของจีนได้ ในการนี้จึงเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเอาใจไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและอินโดนีเซียมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะมาลงทุนใประเทศไทย ซึ่งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การลงทุนของสหรัฐในภูมิภาคนี้อาจลดลงไปบ้าง เพื่อต่อกรกับจีน

“ยิ่งกว่านั้นยังอาจมีการส่งออกคนอเมริกันสูงวัยให้ออกมาพำนักอยู่ในภูมิภาคนี้เช่นกัน ประเทศไทยก็ติดอันดับ 1 ใน 10 เช่นกัน โดยแรกๆ อาจเป็นการมาท่องเที่ยว ต่อมาก็มาพักผ่อนระยะยาว และมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างบ้านพักสำหรับผู้สูงวัยชาวอเมริกันในประเทศไทยเช่นกัน และหากสามารถทำได้สำเร็จ ก็จะเป็นการลงทุนที่มีเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงอาจมีวิสาหกิจข้ามชาติขนาดใหญ่สนใจมาก ปักหลักในประเทศไทยมากขึ้นกว่าการมาเพียงเช่าพื้นที่สำนักงานหรืออาคารสำนักงานเท่านั้น นอกจากนี้ไทยควรใช้โอกาสนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยวแก่ชาวอเมริกัน จะทำให้นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้าไทยมากขึ้น โอกาสที่จะสร้างโรงแรม แหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made จะมีมากขึ้นด้วย” นายโสภณกล่าว

ลุ้นน้ำมันโลกราคาถูก-ลดต้นทุนบ้าน

นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากทรัมป์ 2.0 ที่มีนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจากบางประเทศ อาจกระทบต่อการค้าขายสินค้าในบางประเทศ และนำมาซึ่งการย้ายฐานการผลิต เพื่อไม่เข้าข่ายโดนกำแพงภาษีนำเข้าใหม่ ซึ่งประเทศจีนที่มีการคาดการณ์กันว่าจะโดนเรื่องกำแพงภาษี ยังมี 2 ประเทศที่อาจเจอกับปัญหานี้ คือแคนาดา เม็กซิโก แต่ทั้ง 2 ประเทศไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ในขณะที่ประเทศจีนมีผลกระทบต่อประเทศไทยมากกว่า ซึ่งเริ่มเห็นได้จากปีที่แล้วที่มีการขออนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนจากประเทศจีนมากที่สุด และมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก

“ถิติ 9 เดือนแรกปี2567 นักลงทุนจากจีนเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนและได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากถึง 146,356 ล้านบาท สูงที่สุดในช่วงหลายปีและมากกว่าชาติอื่นๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย เพื่อเลี่ยงเรื่องกำแพงภาษี แม้ว่าไทยอาจจะไม่ใช่ป้าหมายแรกๆ ในการเข้ามาลงทุนก็ตาม” นายสุรเชษฐกล่าว

นายสุรเชษฐกล่าวว่า การที่มีนักลงทุนจากจีนเข้ามาในไทยมากๆ แน่นอนว่าคนจีนก็ต้องเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการที่มีคนจีนเข้ามาทำงานโดยขอรับใบอนุญาตทำงานในไทย ณ สิ้นปี 2567 มากถึง 44,424 คน มากกว่าประเทศอื่นๆ และมากกว่าคนญี่ปุ่นซึ่งครองอันดับที่ 1 มากว่า 10-20 ปี โดยคนจีนเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นแบบชัดเจนตั้งแต่ปี 2566 ในขณะที่คนญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่คาดการณ์ล่วงหน้าทรัมป์น่าจะได้ขึ้นตำแหน่งประธานาธิบดี และนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐน่าจะเปลี่ยน จึงรีบออกมาตั้งฐานการผลิต หรือตั้งบริษัทในประเทศไทยเพื่อดูแลโรงงาน

“เศรษฐกิจจีนอาจจะยังไม่ฟื้นตัว และดูแล้วถ้าเจอกำแพงภาษีอาจจะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจบ้าง และมีผลต่อภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจหรือกิจการ คนจีนบางส่วนที่มีฐานะจึงเลือกออกมานอกประเทศจีน และหาธุรกิจที่ทำได้ในประเทศไทยมีการจัดตั้งนิติบุคคลรวมไปถึงมีการขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายประเทศไทย” นายสุรเชษฐกล่าว

นายสุรเชษฐกล่าว การที่คนจีนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นทั้งรูปแบบของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์แน่นอน การซื้อคอนโดมิเนียมของคนจีนยังคงมากเป็นอันดับที่ 1 ต่อเนื่อง และคาดว่าจะครองอันดับที่ 1 ไปอีกยาวนาน รวมไปถึงตลาดบ้านหรือที่ดินพร้อมบ้านพักอาศัยก็กลายเป็นที่ต้องการของคนจีนที่มีนิติบุคคลในประเทศไทย

“ดังนั้น ยิ่งนโยบายของรัฐบาลใหม่ขอสหรัฐกดดันประเทศจีนมากเท่าไหร่ก็จะได้เห็นคนจีนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อลงทุน ทำธุรกิจ หรือใช้ชีวิตมากขึ้น และถ้ารัฐบาลทรัมป์เน้นการค้า การทำธุรกิจมากกว่าสร้างความขัดแย้ง ก็เป็นไปได้ที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ยูเครนจะลดลง รวมถึงการเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐอเพื่อลดการพึงพาน้ำมันจากนอกประเทศ ก็อาจจะเห็นการลดลงของราคาน้ำมัน เป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ต้นทุนก่อสร้างจะลดลง” นายสุรเชษฐกล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.