การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2024-25 รอบลีก เมื่อวันที่ 23 มกราคม “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากอังกฤษ เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของเรนเจอร์ส จากสกอตแลนด์
เกมนี้เจ้าบ้านส่ง โจชัว เซิร์กเซ, บรูโน แฟร์นานเดส, อาหมัด ดิยัลโล ลงสนาม ขณะที่ทีมเยือนใช้งาน ฮัมซา อิกามาน, เนดิม ไบรามี, ริดวาน ยิลมาซ
ครึ่งแรกนาที 10 เรนเจอร์สเกือบได้เฮ ฮัมซา อิกามาน แทงลูกทะลุแนวรับให้ นิโคลัส รัสคิน หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ อัลตาย บายินดีร์ ขยับออกมาไวเลยบล็อกได้หวุดหวิด
นาที 11 โอกาสเป็นของเรนเจอร์สอีกหน เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ ตัดบอลได้แล้วหยอดข้ามแนวรับให้ ริดวาน ยิลมาซ ได้วอลเลย์ในเขตโทษ แต่ก็ถูก อัลตาย บายินดีร์ ที่ยืนดักอยู่แล้วเซฟไว้ได้
นาที 23 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุมฝั่งขวา อาหมัด ดิยัลโล เปิดเข้ากลางให้ มัตไธส์ เดอ ลิกต์ โขกเผาขนตุงตาข่าย แต่ผลการเช็กวีเออาร์ระบุว่า เลนี โยโร ที่อยู่ในเขตโทษเหมือนกันได้ผลักผู้เล่นเรนเจอร์สก่อน จึงถือเป็นจังหวะฟาวล์และไม่ได้ประตู
นาที 38 เชฟเต จ่ายบอลให้ ฮัมซา อิกามาน ยิงจากระยะร่วม 30 หลา บอลไปแฉลบกองหลังแล้วยังพุ่งตรงเข้าหากรอบประตู อัลตาย บายินดีร์ พุ่งปัดออกไปไม่ให้เรนเจอร์สได้ประตู
นาที 43 เป็นโอกาสของแมนฯ ยูไนเต็ดบ้าง บรูโน แฟร์นานเดส ส่งต่อให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เติมสูงมาแตะบอลแล้วตะบันจากนอกเขตโทษ แจ๊ก บัตเแลนด์ ต้อกระโดดปัดทิ้งไป จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังนาที 52 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุมฝั่งซ้าย คริสเตียน อีริกเซน เปิดเข้ามาหน้าประตู แจ๊ก บัตแลนด์ พยายามกระโดดชกทิ้งแต่โดนไม่ดีกลายเป็นลูกกระเด้งเข้าประตูไป ถือเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของบัตแลนด์ เจ้าบ้านนำ 1-0
นาที 61 เป็นฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดเกือบได้เฮอีก อาหมัด ดิยัลโล กระชากหนีกองหลังทางด้านขวาของเขตโทษแล้วตบเข้ากลาง ลูกแฉลบเท้าผู้เล่นเรนเจอร์สเล็กน้อยแล้วมาเข้าทาง อเลฮานโดร การ์นาโช รับได้แล้วตวัดยิงไปชนเสา
นาที 81 แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิกทางกราบขวา บรูโน แฟร์นานเดส เปิดมาหน้าประตูให้ มานูเอล อูการ์เต โฉบมาพุ่งโหม่งตรงกรอบ แจ๊ก บัตแลนด์ ยังไวปัดออกไปได้
นาที 83 เบลีย์ ไรซ์ ยกบอลทะลุผ่านแนวรับให้ ซีริล เดสเซอร์ส หลุดเข้าเขตโทษแล้วกระดกผ่านนายทวารลูกไปชนเสา เรนเจอร์สตีเสมอไม่สำเร็จ
นาที 87 ค็อบบี เมนู จ่ายบอลให้ อเลฮานโดร การ์นาโช ลากตัดจากซ้ายเข้ากลางก่อนยิงจากระยะประมาณ 20 หลา แจ๊ก บัตแลนด์ พุ่งปัดทิ้งไม่ให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้ประตูเพิ่ม
นาที 88 เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ หวดลูกจากแดนตัวเองขึ้นหน้า แฮร์รี แม็กไกวร์ กระโดดโหม่งสกัดพลาดเลยหลุดไปถึง ซีริล เดสเซอร์ส พักลงได้แล้วยิงในเขตโทษเสียบตาข่าย เรนเจอร์สตีเสมอ 1-1
นาที 90+2 แฟนบอลได้เฮลั่นสนาม ลิซานโดร มาร์ติเนซ เล็งหาช่องแล้วเปิดขึ้นหน้าเข้าเขตโทษแบบพอเหมาะพอเจาะให้ บรูโน แฟร์นานเดส โฉบมาวอลเลย์เข้าไป เป็นประตูชัยให้แมนฯ ยูไนเต็ดชนะไป 2-1
ทำให้ผ่านไป 7 นัด แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนน ยึดอันดับ 4 ซึ่งอยู่ในพื้นที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดหน้าถ้าชนะจะได้เข้ารอบนี้ทันทีโดยไม่ต้องไปเพลย์ออฟ ส่วนเรนเจอร์สมี 11 คะแนน อยู่อันดับ 13 ซึ่งอยู่ในพื้นที่เข้ารอบเพลย์ออฟ
(AP Photo/Alessandra Tarantino)
ทางด้าน “อินทรีฟ้าขาว”ลาซิโอ จากอิตาลี เปิดสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก เอาชนะเรอัล โซเซียดาด จากสเปน 3-1
เจ้าบ้านได้ประตูจาก มาริโอ คิลา นาที 5, มัตเตีย ซักคานญี นาที 32, ตาตี กาสเตยานอส นาที 34 ส่วนทีมเยือนได้จาก อันเดร์ บาร์เรเน็ตเซีย นาที 82 เกมนี้โซเซียดาดเหลือผู้เล่น 10 คน ไอเฮน มูนญอซ ถูกไล่ออกนาที 30
ทำให้ผ่าน 7 นัด ลาซิโอเก็บเพิ่มเป็น 19 คะแนน ยังครองจ่าฝูงและเป็นทีมแรกที่การันตีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว ส่วนโซเซียดาดมี 10 คะแนน ยึดอันดับ 18 ซึ่งอยู่ในพื้นที่เข้ารอบเพลย์ออฟ
ผลคู่อื่น ฮอฟเฟนไฮม์ (เยอรมนี) แพ้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ) 2-3, อาแซด อัล์กมาร์ (เนเธอร์แลนด์) ชนะ โรมา (อิตาลี) 1-0, เฟเนร์บาห์เช (ตุรกี) เสมอ โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 0-0, ปอร์โต (โปรตุเกส) แพ้ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 0-1
วิกตอเรีย เพิลเซน (สาธารณรัฐเช็ก) ชนะ อันเดอร์เลกต์ (เบลเยียม) 2-0, โบโด/กลิมต์ (นอร์เวย์) ชนะ มักคาบี เทล อาวีฟ (อิสราเอล) 3-1, มัลโม (สวีเดน) แพ้ ทเวนเต (เนเธอร์แลนด์) 2-3, คาราบัก (อาเซอร์ไบจาน) แพ้ เอฟซีเอสบี (โรมาเนีย) 2-3
เอล์ฟสบอร์ก (สวีเดน) ชนะ นีซ (ฝรั่งเศส) 1-0, ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี) ชนะ เฟเรนส์วารอช (ฮังการี) 2-0, ลูโดโกเร็ตส์ (บัลแกเรีย) แพ้ มิดทิลแลนด์ (เดนมาร์ก) 0-2
เปาก์ (กรีซ) ชนะ สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) 2-0, เอฟเค อาร์เอฟเอส (ลัตเวีย) ชนะ อาแจ็กซ์ (เนเธอร์แลนด์) 1-0, อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ (เบลเยียม) ชนะ สปอร์ติง บรากา (โปรตุเกส) 2-1
อันดับบนตารางคะแนน 8 อันดับแรก (พื้นที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย) หลังผ่านไป 7 นัด
1. ลาซิโอ (19 คะแนน) ***เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว***
2. ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต (16 คะแนน)
3. แอธเลติก บิลเบา (16 คะแนน)
4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (15 คะแนน)
5. โอลิมปิก ลียง (14 คะแนน)
6. ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (14 คะแนน)
7. อันเดอร์เลกต์ (14 คะแนน)
8. เอฟซีเอสบี (14 คะแนน)
