โดย ตั้ม โชคอนันต์ หนึ่งในผู้กำกับเผยว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นจากความศรัทธา ที่อยากให้เรื่องราวขององค์เพชรภัทรนาคราช พญานาคแห่งภาคตะวันออกเป็นที่รู้จัก หลายคนจะนึกถึงแต่พญานาคภาคอีสาน แต่ที่จริงแล้วประเทศไทยมีตำนานพญานาคอยู่ทุกภาค ซึ่งพญานาคภาคตะวันออกก็มีเสน่ห์และน่าสนใจไม่แพ้ภาคอื่น ความท้าทายคือการคิดหาวิธีที่จะนำตำนานดั้งเดิมมาเล่าใหม่ในรูปแบบที่น่าสนใจและแตกต่าง โดยนาคบรรพ์จะเชื่อมโยงตำนานเข้ากับช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากองค์เพชรภัทรนาคาราชเป็นนักรบ และยุคนั้นก็เป็นช่วงที่เกิดสงคราม การใช้ฉากสงครามทำให้ตำนานมีความสอดคล้องและสมจริงมากขึ้น ซึ่งปี พ.ศ. 2485 มีการตั้งฐานทัพชั่วคราวของญี่ปุ่นในจังหวัดปราจีนบุรี มีกลุ่มเสรีไทยทำหน้าที่สืบค้นข้อมูลและส่งต่อให้กับกลุ่มสัมพันธมิตร ทำให้เรื่องนี้มีมิติของการสืบสวนแฝงอยู่ด้วย ถือว่าเป็นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราต้องนำตัวละครมนุษย์มาสื่อสารกับสิ่งลี้ลับอย่างพญานาค ซึ่งพญานาคในเรื่องนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถเลื้อยลอยในอากาศได้ โดยทีม CG ระดับโลก FATCAT STUDIOS มาออกแบบและทำสเปเชียลเอฟเฟกต์ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจให้กับคนดูอย่างมาก ส่วนนักแสดง ผมรู้ทันทีว่าพี่นก สินจัย คือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นสารตั้งต้นของเรื่องนี้ ด้วยความสามารถทางการแสดงที่เป็นที่ยอมรับและมีฝีมือ พี่นกสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคาแรคเตอร์ต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง น้องนีญ่าเป็นน้องใหม่ในวงการที่มีศักยภาพสูง มีความพยายามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นบทที่ซับซ้อน แต่น้องสามารถทำความเข้าใจและถ่ายทอดออกมาได้ดี ส่วนเจมส์มีฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมและปรับเปลี่ยนบทบาทได้หลากหลาย เป็นนักแสดงที่มีความสามารถมาก การที่นักแสดงตอบรับทันที ผมมองว่าเหมือนเป็นลิขิตบางอย่าง เหมือนกับทุกคนถูกดึงดูดให้มารับบทนี้ ถ้าเป็นคนที่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นก็จะเข้าใจได้ว่านักแสดงทุกคนเหมือนถูกกำหนดให้ต้องมาเล่นในบทบาทนี้จริงๆ”