พลิกโฉม‘ท่าเรือคลองเตย’ ‘สถานบันเทิงครบวงจร’แห่งแรกของไทย

พลันที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดวันที่ 21 มกราคม 2568 มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ เพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจการดำเนินกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ให้มีการบริหารกิจการที่คล่องตัวและทันสมัย ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือคลองเตย เนื้อที่ 2,353 ไร่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

ทำให้สปอตไลต์สาดส่องไปที่โครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” นโยบายเรือธงของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ซึ่งกำลังเร่งเครื่องแจ้งเกิดภายในรัฐบาลชุดนี้

ด้วย “ท่าเรือคลองเตย” เป็น 1 ใน 5 พื้นที่เป้าหมายที่ “รัฐบาลเพื่อไทย” ปักหมุดไว้ จะเนรมิตเป็นสถานบันเทิงครบวงจร แลนด์มาร์กใหม่ของประเทศไทยใจกลางกรุง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ สร้างรายได้เข้าประเทศ

ไม่ใช่แค่รัฐบาลที่หมายมั่นปั้นมือ ว่ากันว่า “ยักษ์กาสิโนโลก” ระดับท็อปทรีของวงการ ก็สนใจอย่างจริงจังจะจับมือกับพันธมิตรทุนใหญ่ของไทย ลงขันแสนล้านบาท พลิกโฉม “ท่าเรือคลองเตย” สู่ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” แห่งแรกของประเทศไทย นอกเหนือ จาก “ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่หมายตาไว้แล้ว

ย้อนดูที่ดิน “ท่าเรือคลองเตย” ก่อนหน้านี้ “กทท.” ได้วางมาสเตอร์แพลนพัฒนาที่ดิน 2,353 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นที่ดินผืนใหญ่แปลงสุดท้ายในย่านซีบีดี จาก “ท่าเรือขนส่งสินค้า” สู่ “พอร์ตซิตี้” รับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ ที่ได้ปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่สีน้ำเงินที่กำหนดเป็นที่ดินประเภทราชการ สาธารณูปโภค และสาธารณูปการ เป็นพื้นที่
สีแดงพาณิชยกรรม

โดยแบ่งการพัฒนา 3 โซน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยโซน 1 พัฒนาพื้นที่ด้านการค้า อาทิ สำนักงาน ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์แสดงสินค้า นิทรรศการ ศูนย์การประชุม พื้นที่ค้าปลีก ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า ศูนย์การค้าธุรกิจทันสมัยครบวงจร รวมถึงพัฒนาสมาร์ทคอมมูนิตี้ ก่อสร้างที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่รองรับชุมชน

โซน 2 พัฒนาธุรกิจหลัก การให้บริการท่าเรือกรุงเทพ พัฒนาสถานีบรรจุสินค้าเพื่อส่งออกและบูรณาการพื้นที่หลังท่าเป็นคลังสินค้าขาเข้าเขตปลอดภาษี และโซน 3 พัฒนาเมืองท่าเรือกรุงเทพ โดยพัฒนาเป็นเมืองธุรกิจขนาดใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแลนด์มาร์กของประเทศ ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางน้ำ รวมถึงพัฒนาอาคารมิกซ์ยูสครบวงจร มีช้อปปิ้งมอลล์ ที่จอดรถ และโรงแรม นอกจากนี้ในการศึกษายังมีแผนลงทุนรถไฟฟ้าโมโนเรลเชื่อมโครงการกับสถานีคลองเตยของรถไฟฟ้าใต้ดินอีกด้วย

ล่าสุด “กทท.” อยู่ระหว่างจะทบทวนมาสเตอร์แพลนใหม่ ให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเป็นที่จับตาว่าจะมีโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่

อย่างไรก็ตามด้วยทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ และขนาดที่ดินที่ใหญ่มหึมา มีเสียงหนุนจากภาคเอกชน ที่มองว่า “ท่าเรือคลองเตย” เหมาะสมที่จะนำมาพัฒนาเป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ได้

“อิสระ บุญยัง” นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า พื้นที่ที่จะสามารถนำมาพัฒนาเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ ต้องเป็นที่ดินขนาดใหญ่ระดับ 1,000 ไร่ขึ้นไป เนื่องจากในโครงการมีการพัฒนาหลากหลายโครงการอยู่ในนั้น เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม สวนสนุก สนามกีฬา ร้านอาหาร ไนต์คลับ สถานที่จัดงานประชุม ยอชต์และครูซซิ่งคลับ รวมถึงกาสิโน

“หากเป็นที่ดินของรัฐจะง่ายต่อการนำมาพัฒนา ในรูปแบบของการเช่า หากเป็นที่ดินเอกชนต้องใช้เวลาหาพื้นที่ ที่สำคัญต้องเป็นที่ดินอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ทั้งทางถนน ทางเรือ และใกล้สนามบินด้วย ซึ่งท่าเรือคลองเตย ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ด้วยสภาพพื้นที่ของเมืองในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว เกิดการพัฒนาใหม่ๆ รายล้อมมากมาย” อิสระกล่าว

“อิสระ” ยังเห็นด้วยที่รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เนื่องจากเป็นการนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดินแบบถูกกฎหมาย หากทำสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม เนื่องจากโครงการมีหลายกิจกรรม ไม่ใช่แค่กาสิโนอย่างเดียว หากมองในด้านเศรษฐกิจจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา เก็บรายได้เข้ารัฐได้มากขึ้น แต่ในด้านสังคมรัฐบาลก็ต้องมีกฎหมายออกมารองรับอย่างชัดเจนเรื่องการเข้าไปใช้บริการที่หลายฝ่ายมีความกังวล อย่างไรก็ตามโครงการในรูปแบบนี้ที่ต่างประเทศได้มีการพัฒนาสำเร็จมาแล้ว เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น

ขณะที่ “โสภณ พรโชคชัย” ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) มองว่า ท่าเรือคลองเตยเหมาะพัฒนาให้เป็นกาสิโนแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจาก 1.ท่าเรือไม่จำเป็นต้องอยู่ในใจกลางเมืองแล้ว เนื่องจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดก็สามารถรองรับการขนส่งต่างๆ ได้ดีอยู่แล้ว การเดินทางเข้ามาขนส่งสินค้าถึงในเมืองอาจจำเป็นต้องยุติ คล้ายกรณีลอนดอนด็อคแลนด์ (London Docklands) ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือกรุงลอนดอนซึ่งปิดตัวไป ขณะนี้ได้พัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในกรุงลอนดอน

2.ทำเลที่ตั้งเหมาะสมมาก อยู่ในเขตใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกด้วยสารพัดวิธี ทั้งทางบก ทางน้ำ และอาจรวมทางอากาศ เช่น เฮลิคอปเตอร์ หรืออาจรวมไปถึงเครื่องบินเล็ก เนื่องจากพื้นที่ท่าเรืออาจปรับเปลี่ยนเป็นรันเวย์ เป็นต้น ด้านชาเตอร์ไฟลต์ต่างๆ สามารถเข้าถึงท่าเรือนี้ได้ง่าย 3.ในกรุงเทพมหานครมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุด ในเมื่อกาสิโนมุ่งตอบสนองต่อนักท่องเที่ยว การก่อสร้างในใจกลางกรุงเทพมหานคร จึงถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง 4.ไม่ต้องเวนคืน เนื่องจากเป็นที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำมาใช้ได้ง่าย

ทั้งนี้ อาจมีการเวนคืนที่ดิน 70 ไร่ที่เคยให้ผู้บุกรุกเช่าเมื่อ 30 กว่าปีก่อน โดยอาจสร้างห้องชุดแบบคลองไผ่สิงโต ให้ประชาชนได้อยู่แทน ขณะที่การเวนคืนที่ดินนอกเมือง ยังต้องสร้างสาธารณูปโภคเชื่อมต่อ เช่น ถนน หรือรถไฟฟ้า ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก และทำให้เมืองขยายตัวออกไปอย่างไร้ทิศผิดทางอีกด้วย อย่างไรก็ดีสิ่งที่อาจสร้างเพิ่มเติม เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้าไปในท่าเรือคลองเตย เช่น กรณีเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีทองที่เชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าถึงศูนย์การค้าไอคอนสยาม เป็นต้นโดยน่าจะสามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดินได้

ด้วยเหตุนี้ “ท่าเรือคลองเตย” จึงเป็นทำเลที่ดีที่สุดนั่นเอง!