ศึกฮิซบอลเลาะห์ทุบชามข้าวเลบานอน
GH News January 31, 2025 08:08 PM

ขึ้นชื่อว่าสงครามการสู้รบ ล้วนเป็นพิษภัยต่อมนุษยชาติด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะฝ่ายแพ้ หรือผู้ชนะ

หรือแม้กระทั่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสู้รบนั้นด้วย แต่ปรากฏว่า พื้นที่ที่เราพำนักอาศัยอยู่ ต้องกลายเป็นสมรภูมิสงครามแบบต้องจำยอม จำใจ กันก็ตาม

ยกตัวอย่าง “เลบานอน” ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีพรมแดนติดอิสราเอลและซีเรีย รวมถึงจอร์แดน ต้องกลายสภาพแบบจำใจ จำยอม เป็นสมรภูมิสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธ และถูกยกเป็นกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง นิกายชีอะห์ ที่อิหร่านให้การสนับสนุน ที่ใช้หลายพื้นที่ของประเทศเลบานอน เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของทางกลุ่มฯ โดยเฉพาะอย่าง ในภาคใต้ของเลบานอน

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงสงครามการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แล้ว เริ่มปะทุไฟศึกมาตั้งแต่ปี 1982 (พ.ศ. 2525) แต่หยุดพักระงับการหยุดยิงกันอยู่เป็นระยะๆ และสู้รบกันเป็นพักๆ

ส่วนการสู้รบครั้งปัจจุบัน เริ่มปะทุไฟสงครามขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2023 (พ.ศ. 2566) หรือหลังเกิดสงครามฉนวนกาซา ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เพียง 1 วัน คือ วันที่ 7 ตุลาคม 2023 เพราะกลุ่มฮิซบอลเลาะช่วยถล่มอิสราเอลซ้ำเติม ในฐานะที่ทางกลุ่มฯ เป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาส

หลังจากนั้น การสู้รบโจมตีใส่กันกันมีขึ้นอยู่เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ถล่มที่เกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาคใต้ของเลบานอน สำหรับ เป้าหมายการโจมตีของกองทัพอิสราเอลต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และพื้นที่ตอนเหนือของอิสราเอล สำหรับเป้าถล่มของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่ออิสราเอล

กระทั่ง ถึงช่วงเดือนกันยายน 2024 (พ.ศ. 2567) ปลายปีที่แล้ว ทางการอิสราเอล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวอย่าง “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” ได้เริ่มสั่งการให้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเข้มข้นขึ้นต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน

เริ่มจากปฏิบัติการที่เรียกว่า การโจมตีด้วยเพจเจอร์บอมบ์ ซึ่งก็คือ “เพจเจอร์” อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมที่ใช้สำหรับส่งข้อความสั้นๆ โดยภายในมีวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่ นอกจากนี้ วิทยุสื่อสารที่เรียกกันติดปากว่า “วอลกี-ทอล์กี” หลายเครื่อง ก็ถูกทำให้กลายเป็นระเบิดทำลายล้างสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมแล้วนับพันครั้งที่เกิดเหตุ ในระหว่างวันที่ 17 – 18 กันยายน 2024 ส่งผลใหัมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 1,500 ราย

ก่อนที่ในเวลาต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ทางกองทัพอิสราเอล ก็ได้ถล่มโจมตีทางทหารในหลายพื้นที่ของเลบานอน ตั้งแต่ตอนใต้ ตอนกลาง ลากลามไปถึงกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน สำหรับการสู้รบที่ทางการอิสราเอล เรียกว่า สงครามเฟสใหม่ อันหมายถึงการทำสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่ สงครามเฟสเดิมกับกลุ่มฮามาส ทางการอิสราเอล ก็ยังคงตะลุมบอนควบคู่ไปด้วย

ชาวเลบานอน ย่านชานกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศ นั่งรอรับแจกอาหาร ท่ามกลางสภาพบ้านเรือนที่ภินท์พังจากสงคราม (Photo : AFP)

โดยในสงครามเฟสใหม่นี้ ก็มีผลทำให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ต้องเกิดปรากฏการณ์ “ผลัดใบ” กันอย่างอลหม่านเลยทีเดียว เพราะกองทัพอิสราเอล ที่ใช้ทั้งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเป็นหลักใหญ่ และกองกำลังภาคพื้นดินเข้าเคลียร์พื้นที่ ได้ปลิดชีพทั้งบรรดาแกนนำ และผู้นำ ตลอดจนผู้ที่จะมาสืบทอดดำรงตำแหน่งผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จนด่าวดิ้นไปตามๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “นายฮัสซัน นัสรัลเลาะห์” ผู้นำกลุ่มฯ และ “นายฮาเชม ซาฟิดดีน” ผู้ที่จะมาสืบทอดดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ หลังจากนายฮัสซันสิ้นชีพไปแล้ว

ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 ปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ปรากฏว่า ยังมีเหตุถล่มโจมตีระหว่างกันอยู่เป็นระยะๆ แม้จะไม่หนักหนาเฉกเช่นก่อนหน้า แต่ก็ปรากฏว่า ได้สร้างความสาหัสสากรรจ์แก่ประชาชนชาวเลบานอน แทบจะทั้งประเทศ ในหลายประการด้วยกัน เช่น การอพยพหนีภัยการสู้รบ และความอดอยาก จากอาหารที่ขาดแคลน อันสืบเนื่องจากการสู้รบที่มีขึ้น แม้ว่าประชาชนเหล่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่ายที่สู้รบกันก็ตาม ซึ่งมีรายงานว่า เกิดการสูญเสียของชีวิตผู้คนจากการสงครามในเลบานอนนี้มากกว่า 4,000 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 1.7 หมื่นราย ส่วนประชาชนชาวเลบานอนที่อพยพทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีภัยการสู้รบมีจำนวนราวๆ 8.42 แสนคนถึง 1.4 ล้านคนด้วยกัน

ชาวเลบานอน ย่านชานกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศ รอรับแจกอาหาร ท่ามกลางสภาพบ้านเรือนที่ภินท์พังจากสงคราม (Photo : AFP)

เมื่อสงครามการสู้รบ ทุเลาเบาบางลงจากผลของข้อตกลงหยุดยิง ประชาชนชาวเลบานอนจำนวนนับแสน ถึงเรือนล้านคน ก็ได้เดินทางกลับเข้ามายังมาตุภูมิของตน

ทว่า ประชาชนชาวเลบานอนเหล่านี้ ก็กำลังเผชิญหน้ากับความอดอยาก จากการขาดแคลนอาหาร จนถูกยกยกระดับให้เป็นปัญหาใหญ่ในเลบานอนปัญหาหนึ่ง ตามการเปิดเผยของ “องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ” หรือ “เอฟเอโอ” ที่ได้ประเมินร่วมกับ “กระทรวงเกษตรของเลบานอน”

ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา (Photo : AFP)

โดย “เอฟเอโอ” และ “กระทรวงเกษตรของเลบานอน” ระบุว่า ผู้คนในเลบานอนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยะ 30 ของจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 5.36 ล้านคน กำลังผจญชะตากรรมกับความอดอยาก ไม่มีความมั่นคงทางอาหาร อันเป็นผลสืบเนื่องจากการสงคราม การสู้รบข้างต้น

พร้อมกันนี้ ทั้งสององค์กรหน่วยงานดังกล่าว เปิดเผยด้วยว่า จากการประเมินพบว่า ประชากรจำนวน 1.65 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็นชาวเลบานอนเอง ชาวซีเรียอพยพหนีภัยสงครามกลางเมือง และชาวปาเลสไตน์ที่หนีภัยสงครามในฉนวนกาซา มาอาศัยในเลบานอน กำลังเผชิญกับวิกฤติขาดแคลนอาหาร ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนสงครามเฟสใหม่ ที่เลบานอนก็ผจญชะตากรรมด้านความมั่นคงทางอาหารเป็นทุนเดิมแล้ว คือ 1.26 ล้านคน ที่สุ่มเสี่ยงกับความอดอยาก ขาดแคลนอาหาร

ในจำนวน 1.65 ล้านคนนั้น ปรากฏว่า มีมากถึงกว่า 2 แสนคน ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างเร่งด่วน หรือระดับฉุกเฉินเลยทีเดียว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเกิดสงครามเฟสใหม่ และในจำนวนผู้ที่กำลังผจญกับความอดอยากที่มีมากนับล้านคนดังกล่าว ปรากฏว่า เป็นผู้ที่อยู่ในวัยเด็ก มากถึง 3 ใน 4 หรือราวๆ ร้อยละ 75 ด้วยกัน ที่ได้รับอาหารในแต่ละวันไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค แม้ว่าได้มีทางการบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส และหน่วยงาน องค์การต่างๆ เช่น ยูนิเซฟ เป็นต้น เข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ นำอาหาร ตลอดจนสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปแจกจ่ายประชาชน ที่เมืองคลายา ทางตอนใต้ของเลบานอน (Photo : AFP)

ทาง “ธนาคารโลก” หรือ “เวิลด์แบงก์” เปิดเผยถึงการประเมินว่า ต้องใช้เงินนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียวสำหรับการช่วยเหลือด้านนี้ จากจำนวนที่ต้องใช้ทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการฟื้นฟูในหลายภาคส่วนของประเทศให้กลับมาดีขึ้น

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.