จากครอบครัวแตกร้าวและล้มละลาย แตงโม-สยาภา สิงห์ชู หรือที่รู้จักกันดีบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในชื่อ ‘สยาโม’ ได้ก่อร่างสร้างตัวตนขึ้นเอง ด้วยการร้องเพลง และต่อยอดด้วยงานอาชีพในโลกโซเชียล ทุกวันนี้สาวน้อยวัยย่าง 24 ปีจากจังหวัดกระบี่กลายมาเป็น “คอนเทนต์ ครีเอเตอร์” ที่มีชื่อเสียง เธอมีผลงานทั้งด้านเสียงเพลง คอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์บน TikTok และ YouTube ล่าสุดเธอเริ่มเข้าสู่แวดวงการแสดงแล้ว
ร้องเพลงประกวดครั้งแรก
“โมเริ่มประกวดร้องเพลงครั้งแรกตอนเรียนอยู่ เป็นการประกวดร้องเพลงระดับโรงเรียน ครูให้ประกวดเป็นตัวแทนของโรงเรียน ของอำเภอ ของจังหวัด อะไรแบบนั้น เป็นสายประกวดที่ไม่ได้มีเวทีเยอะเท่ากับเด็กภาคกลาง โมประกวดอยู่แต่ในภาคใต้ แต่ถ้าประกวดทางทีวีก็ตอนเข้ามากรุงเทพฯ ครั้งแรก โมประกวดรายการ ‘The Voice Kids’ ซีซัน 4 ตอนนั้นโมอายุ 14 ปี ไปประกวดกับน้องชาย แต่น้องชายเข้ารอบไกลกว่า โมเข้ารอบแค่ semi-final โมไม่เคยเรียนร้องเพลงมาก่อนเลย แต่สนใจร้องเพลง เพราะคุณพ่อชอบเพลง พ่อเป็นช่างซ่อมรถ โมเติบโตมาในอู่ซ่อมรถที่คุณพ่อชอบร้องเพลง เท่านั้นเอง
“โมกับน้องชายชอบดูทีวีตั้งแต่เด็กๆ เราไม่มีเพื่อนเล่นข้างบ้าน ของเล่นของเราก็คือทีวี โมชอบดูละคร รายการประกวดร้องเพลง แล้วมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นเด็กที่ประกวด อยากร้องเพลงประกอบละคร เพราะมีความสนใจ สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็คือแค่ร้องเพลงในโรงเรียน ทำกิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียน
“การที่โมได้เข้ามารายการ The Voice Kids มันเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ โมได้เห็นบ้านเมืองที่มันพัฒนาแล้ว (หัวเราะ) ได้เห็นเด็กคนอื่นๆ ที่เรียนร้องเพลงมา เด็กที่แตกต่างจากเรามาก ตอนที่พ่อแม่เลิกกัน โมเรียนจบ ม.สามพอดี ก็เลยขอพ่อกับแม่มาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว เหตุผลที่ตัดสินใจแบบนั้นเพราะคิดว่ากรุงเทพฯ คือโอกาส ถ้าโมได้มาเรียนกรุงเทพฯ โมก็จะมีโอกาสได้ไปออดิชันตรงโน้นไปแคสต์ตรงนี้ได้ง่ายขึ้น แล้วพอมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเลิกเรียนแล้วโมก็ไปดูว่าเขามีสมัครออดิชันอะไรที่ไหน ก็พยายามเสาะหาหนทางเอา จนมีโอกาสได้เข้าไป The Voice อีกรอบหนึ่งตอนเรียนอยู่ ม.หก ประกวดคราวนี้โมได้เข้าไปถึงรอบไฟนอล แต่แพ้คะแนนโหวต หลังจาก The Voice ก็เป็นช่วงที่โมเข้ามหาวิทยาลัย พอเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วโมก็ไม่ค่อยมีผลงานด้านเพลงอีกเลย โมห่างหายจากการประกวดไปเลย เพราะไปมุ่งทำกิจกรรมมหาวิทยาลัย เรียน แล้วก็หารายได้”
เงินรายได้ก้อนแรก?
“รายได้ก้อนแรกของโมที่เป็นจริงเป็นจังก็มาจากการสอนทางออนไลน์ ตอนนั้นโมเริ่มสอนชั่วโมงละ 350 บาท พอโควิดเริ่มคลายก็ไปสอนไปรเวตตามบ้าน ค่าสอนก็ขยับเป็น 800-1,000 บาทจำได้ว่ามีช่วงพีคที่โมได้ถึงสามหมื่นเลยนะคะ
“ความจริงแล้วโมไม่มีพื้นฐานด้านการร้องเพลงเลย แต่โชคดีที่ได้เรียนอยู่คณะดุริยางคศาสตร์ (มหาวิทยาลัยศิลปากร) แต่โมไม่ได้เรียกเอกวอยซ์ โมเรียนด้านธุรกิจดนตรีและบันเทิง แต่โมมีเพื่อนที่เรียนเอกวอยซ์ โมก็ได้ความรู้จากเพื่อนที่เรียนเอกวอยซ์มาผนวกกับวิชาเปียโนที่โมมีความรู้เล็กๆ น้อยๆ ไปสอนเด็กต่อ เป็นการหารายได้ในช่วงเรียนอยู่ปี 2-3 ช่วงนั้นโควิดระบาดพอดี โมเรียนทางออนไลน์ ก็เลยได้ทำงานแบบเต็มตัว”
คลิปแรกที่แจ้งเกิดบนสื่อโซเชียล
“โมเรียนเกี่ยวกับสื่อและการทำคอนเทนต์ ที่มหาวิทยาลัยเขาให้ปั้นช่อง TikTok เพื่อโปรโมตคณะ โมรู้สึกว่าพอได้ทำโปรเจ็กต์ของมหาวิทยาลัยแล้วมันเวิร์ก เราปั้นให้คอนเทนต์ของมหาวิทยาลัยเป็นไวรัลมากเลย ตอนนั้นโมก็รู้สึกอยากทำให้ตัวเองบ้าง คือโมอยากเป็นคนดังอยู่แล้วตั้งแต่ต้น
“ช่วงที่ YouTube ดังมากๆ โมก็รู้สึกว่าอยากเป็นยูทูเบอร์ แต่ว่าทำไม่ได้ จนกระทั่งมี TikTok ก็เลยลองอัดคลิปแบบไม่ตั้งใจดู โมอัดคลิปตอนไปดัดผม ความจริงแล้วโมเป็นคนผมตรง มีความสนใจเรื่องแฟชั่นวินเทจ แฟชั่นย้อนยุค ก็เลยเดินเข้าร้านทำผมโบราณ ไปดัดผม แล้วถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้ ปรากฏว่าคลิปแรกที่โมกลายเป็นที่รู้จักก็คือคลิปไปดัดผมนั่นแหละค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นโมก็เล่น TikTok ค่ะ แต่คนไม่ได้จดจำ มันเป็นการเอาคลิปที่เราประกวดร้องเพลงไปลงซ้ำๆ แต่มันไม่ได้สร้างตัวตนโมขึ้นมาเลย แต่คลิปที่ทำให้คนรู้จักโมจริงๆ คือคลิปดัดผม วันแรกที่โพสต์คลิปมีคนเข้ามาดูมากถึง 3 ล้าน ซึ่งบอกตรงๆ โมว่ามันคงฟลุคด้วย เพราะอยู่มันก็มาแมสส์ในคลิปนั้น
“หลังจากนั้นโมรู้สึกว่า ไหนๆ คนก็เข้ามาดูเราแล้ว เราต้องหาวิธีการจับคนที่เข้ามาดู ไม่ใช่ว่าดูคลิปหนึ่งแล้วจะหายไปเลย โมก็เลยปฏิญาณตั้งแต่วันนั้นเลยว่า โมจะพยายามถ่ายคลิปและโพสต์ทุกวัน เป็นการสร้างฐานแฟนไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วงนั้นมันก็เวิร์กจริงๆ ตอนนี้โมมี TikTok เป็นหลัก ยอดฟอลล์ราวสามล้านสี่ Facebook ประมาณหกแสน ไอจีราวสองแสนกว่า ยูทูบที่เพิ่งมาทำก็ประมาณสองแสน”
เล่นมิวสิกวิดีโอครั้งแรก
“มิวสิกวิดีโอชิ้นแรกที่เล่น คือ เพลง ‘บุษบา’ (วงเมนทอล) อย่างที่บอกว่าโมเริ่มจากการร้องเพลง จนเลิกร้องไป แล้วมาเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ทีนี้มันเป็นเหมือนแสงให้เรา ทำให้โอกาสที่คนวิ่งเข้ามาเรามีมากขึ้น เพลงบุษบา เป็นมิวสิกวิดีโอเพลงแรกและเป็นผลงานการแสดงครั้งแรกในชีวิตเลยด้วย
“ตอนเริ่มทำก็รู้สึกยากนิดหนึ่ง ด้วยความที่…ก่อนจะปล่อยมิวสิกวิดีโอ เขาปล่อยเพลงนี้ออกมาก่อนแล้วทาง TikTok และเขาประกาศหาตัวนางเอกเอ็มวี ซึ่งก็มีสาวสวยจากทั่วประเทศมาประชันกัน ตอนแรกทางค่ายเขาติดต่อโมมาเหมือนกัน แวบแรกโมยังคิดว่าจะไม่รับ เพราะโมสวยไม่พอ (หัวเราะ) คือโมกลัวคอมเมนต์ด้านลบ โมกลัวมากเลยว่าคนจะมาตัดสินเราเรื่อง beauty standard หรือเปล่า แต่ว่ามันก็เป็นความฝันของโมเหมือนกัน ที่อยากมีผลงานด้านการแสดง ก็เลยตัดสินใจทำ แล้วโชคดีที่คนกลับชอบแบบเกินคาดมากๆ เลย และยิ่งทำให้คนจดจำเรื่องทรงผม เรื่องลุคของโมจากเอ็มวีเพลงนี้มากขึ้นด้วยค่ะ”
ผลงานเพลงแรก
“โมเพิ่งปล่อยงานเพลงแรกไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซิงเกิลเพลง ‘คอยพี่ที่บีทีเอส’ ผลตอบรับก็ดีนะคะ ทางยูทูบตอนนี้ประมาณสามล้านกว่าวิวแล้ว มันเวิร์กเกินฝันเหมือนกัน ก่อนหน้าที่จะมีเพลงของตัวเองอย่างเป็นทางการ โมเคยไปร้องกับคนอื่น ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่พอโมสร้างตัวตนทางออนไลน์เป็น “สยาโม” แล้ว ก็จะมีแฟนคลับตามมาซัปพอร์ต อีกอย่างช่องทาง TikTok ก็จะกระตุ้นให้คนตามมาฟังเพลงเรามากขึ้น ซึ่งช่วยได้เยอะมาก”
การแสดงละครเวทีครั้งแรก
“แผลเก่า เดอะ มิวสิคัล เรื่องนี้เป็นการแสดงอย่างเป็นทางการจริงๆ ของโม คือเอ็มวีมันถ่ายแค่หนึ่งวันจบ หรือภาพยนตร์ก็ถ่ายแค่ไม่กี่ครั้งก็จบ แต่ละครเพลงเรื่องนี้มันใช้เวลาตั้งแต่การซ้อม การทำเวิร์กช็อป เป็นการแสดงที่ไม่มีเทคนิคการตัดต่อมาช่วย ทุกอย่างจึงเป็นหน้าที่ของนักแสดงทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นงานหนัก และเป็นงานที่โมภูมิใจนำเสนอที่สุด
“ตอนเริ่มซ้อมโมเหมือนกับได้เปิดโลกเลย มันเป็นการเรียนการแสดงจริงจังครั้งแรกของโมเลย รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่มาก หนักมาก และยังมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องเรียนรู้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยค่ะ”
‘แผลเก่า เดอะ มิวสิคัล’ จากบทประพันธ์ของ “ไม้ เมืองเดิม” ประพันธ์เพลงโดย ไกวัล กุลวัฒโนทัย, สุธี แสงเสรีชน และภูดินันท์ ดีสวัสดิ์มงคล ประพันธ์บทละคร/คำร้องโดย ดารกา วงศ์ศิริ กำกับการแสดงโดย สุวรรณดี จักราวรวุธ
จัดแสดงวันที่ 21-22-23-28 กุมภาพันธ์ และ 1-2 มีนาคม 2568 ที่โรงละคร M Theatre ถนนเพชรบุรีตัดใหม่