“ราชบุรี “เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะมาเยือนกี่ครั้ง ที่นี่ก็ยังมีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ได้สัมผัสเสมอ ทั้งธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ได้บรรยากาศที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่ากับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว และอีกหนึ่งปลายทางที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ราชบุรีมากยิ่งขึ้นกับงานไฟสุดอลังการ “Nasatta Light Festival Winter Illumination 2025” โดย ณ สัทธา อุทยานไทย ร่วมกับ ททท, บริษัท signify commercial (thailand) จำกัด และ บริษัท ไทย เทคโน กลาส จำกัด มหาชน ที่จัดเต็มศิลปะการจัดแสดงไฟที่มีเอกลักษณ์และวิจิตรให้นักท่องได้ดื่มดำกับค่ำคืนสุดโรแมนติกระยิบระยับไฟกว่าล้านดวงอย่างเพลิดเพลิน ณ สัทธา อุทยานไทย อ.บางแพ จ.ราชบุรี ตั้งแต่วันนี้ – 27 เมษายน 2568 ทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ปีนี้งานไฟที่ ณ สัทธา จัดขึ้นในธีม “นางในวรรณคดีและดอกไม้ในวรรณกรรมไทย” ที่ฉายให้เห็นทิวทัศน์อันตระการตา ถักทอมาจากจินตนาการของผู้ออกแบบและทีมวิศวกร ในการบรรจงการจัดวางเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและตำนานอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย ด้วยการเนรมิตผืนป่าภายในอุทยานให้งดงามเหมือนได้ท่องโลกแห่งวรรณคดีที่ไม่เหมือนปีที่มาแน่นอนจัดเต็มบนพื้นที่กว่ 29 ไร่ 24 จุดถ่ายภาพ ได้แก่ โซน 1 Thai Glorious Era, โซน 2 season Change, โซน 3 God of Thunder,โซน 4 Thai Spirit โซน 5 Sukhothai, โซน 6 Siam Tulip, โซน 7 Sacred Wave, โซน 8 Bliss Blossom, โซน 9 Mystical Entrance, โซน 10 Magic Cave, โซน 11 Infinity Wall, โซน 12 The Magic Pond, โซน 13 Milky Way, โซน 14 Joyful Light Field
โซน 15 Whispering Rose (Interactive), โซน 16 Fluffy Light Dance, โซน 17 Over the Horizon, โซน 18 Breath of Light Tunnel, โซน 19 Flower Blessing, โซน 20 Floating Lantern, โซน 21 Glittering Song, โซน 22 Crystal Walls (Interactive), โซน 23 Nymph Forest, โซน 24 Bua Kome และได้เพิ่มเสน่ห์ด้วยการเปิดตัวโซนใหม่ถึง 4 โซน ได้แก่โซนที่ 3, 9, 15, 16 และมีโซนที่ได้รับการ Re-design มากถึง 10 โซนเรียกได้จัดเต็มเอาใจคนที่ชอบเที่ยวงานไฟเลย
เมื่อมาถึง ณ สัทธา ยามค่ำคืน ท้องฟ้าในยามค่ำคืนของที่นี่ยังคงสว่าง เพราะแสงประกายระยิบระยับตากดวงไฟเล็ก ๆ หลายร้อยดวง เชื้อเชิญให้เราก้าวเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงไฟสุดตระการตาอย่างไม่ลังเล ด้วยจุดถ่ายภาพที่มีมากถึง 24 จุด เราจะขอพาไปชมไฮไลท์ที่ชื่นชอบ เพื่อนร่วมทริปได้อาสาแปลงกายตัวเองแต่งชุดไทยให้เข้ากับบรรรยากาศเดินอวดโฉมมายังจุดแรก บรรยากาศเดินอวดโฉมมายังโซน Thai Glorious Era ดอกทิวลิปที่อยู่กลางลานมีความหมายว่าการเริ่มต้นใหม่ เหมือนดังพระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ที่เป็นผู้นำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุดสมัยใหม่ โดยด้านหลังพระมหากษัตริย์ปรากฏภาพคลื่นที่พริ้วไหวไปตามจังหวะแสงไฟ ซึ่งแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ราวกับต้องการสื่อถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งของประวัติศาสตร์ไทย
เดินเล่นเพลิน ๆ ท่ามกลางแสงไฟที่เปล่งประกาย ภายในสวนที่ตกแต่งอย่างงดงามด้วยมวลดอกไม้เรืองแสง และลำต้นไม้ที่สะท้อนแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำ สร้างบรรยากาศราวกับอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน เมื่อเดินมาถึง โซน God of Thunder ที่นำเสนอความอลังการของแสงไฟในรูปแบบสายฝนโปรยปราย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศราวกับยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา แนวคิดของโซนนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานโบราณเกี่ยวกับรามสูร ขว้างขวานขึ้นสู่ท้องฟ้า จะทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า
เดินต่อมาถึงโซนยอดฮิตประดิษฐานงดงามพระพุทธรูปอันงดงาม อย่าง โซน Thai Spirit บริเวณนี้ได้รับการตกแต่งด้วยดอกบัวสีชมพูอ่อนที่เบ่งบานทั่วลานพระพุทธรูปยุคอยุธยา-อู่ทอง สื่อถึงความหมายแห่งความบริสุทธิ์และความดีงาม ใกล้กันคือ โซน Sukhothai ซึ่งตั้งอยู่ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ไฮไลต์ของที่นี่คือม่านไฟสีฟ้าที่ห้อยระย้าอยู่บริเวณประตูทางเข้า โดยเว้นช่องตรงกลางไว้เพื่อให้สามารถมองเห็นองค์พระพุทธรูปได้อย่างชัดเจน และโซน Sacred Wave พื้นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งไฟสีฟ้าเปรียบเสมือนคลื่นน้ำที่โอบล้อมองค์พระ รอบๆมีใบบัวที่เสริมบรรยากาศให้รู้สึกสงบและเย็นสบายราวกับอยู่ท่ามกลางสายน้ำศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งในโซนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือ Mystical Entrance กับแนวคิดที่สะท้อนความลี้ลับและมนต์ขลัง เส้นไฟถูกเรียงร้อยตั้งแต่ด้านบนลงสู่พื้น สร้างมิติของแสงที่ไหลราวกับสายน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเมืองลับแล ที่เล่าถึงประตูวิเศษบนผนังถ้ำหรือหน้าผาที่จะเปิดเฉพาะให้คนในเมืองเข้าออกเท่านั้น รอบๆ ยังตกแต่งด้วยดอกไม้ไฟสุดงดงาม ทำให้โซนนี้ดูเหนือจริงราวกับหลุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
เดินข้ามสะพานไปยัง The Magic Pond อีกหนึ่งโซนไฮไลต์ที่ทำให้หลายคนต้องตะลึง กับการตกแต่งผืนน้ำให้เปล่งประกายด้วยดอกบัวไฟเรืองแสง นักท่องเที่ยวสามารถลงไปถ่ายรูปบนเรือกลางสระน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศที่โรแมนติกและเงียบสงบ บริเวณใกล้เคียงยังมีโซน Flower Blessing ที่ใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวของแสงให้ดอกไม้ดูมีชีวิตชีวา และ Glittering Song ที่ทำให้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ
ชมความอลังการ Joyful Light Field และ Whispering Rose (Interactive) สองโซนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งตกแต่งด้วยแสงไฟสุดล้ำและเทคนิคการจัดวางที่สร้างบรรยากาศเหมือนอยู่ท่ามกลางหุบเขาและดอกกุหลาบเรืองแสงเหนือจินตนาการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินถ่ายรูปได้แบบเต็มอิ่ม เพราะทุกมุมของที่นี่สวยจนอยากเก็บภาพไว้ทุกจุด
และที่พลาดไม่ได้คือ โซน Breath of Light Tunnel อุโมงค์ไฟสุดตระการตา ที่ไม่ว่าใครมาเยือนก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก เส้นทางที่ทอดยาวรายล้อมไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ สร้างบรรยากาศโรแมนติกและชวนให้หลงใหล เดินตามเส้นทางไปจนเกือบถึงทางออก เราจะได้พบกับโซนสุดท้าย Bua Kome ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด บริเวณนี้จะมีดอกบัวบานเรืองแสงที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนดอกบัวได้แบบใกล้ชิด และเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นแสงไฟระยิบระยับราวกับฝูงหิ่งห้อยที่ส่องแสงกระพริบทั่วผืนป่า สร้างบรรยากาศที่สวยงามและน่าประทับใจไม่รู้ลืม
นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการเช่าชุดไทย, แต่งหน้าทำผม และช่างภาพให้บริการ พร้อมกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม เพลิดเพลินไปกับอาหารไทยรสเลิศที่ร้านรสสัทธา หรืออิ่มอร่อยกับอาหารตะวันตก ท่ามกลางแสงไฟที่ร้านอาหาร Bistro พิเศษสุดสำหรับคนรักสัตว์ ปีนี้อนุญาตให้นำสัตว์ เลี้ยงเข้าได้ทุกวันพุธ(โปรดปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของอุทยาน) ส่วนงานแสดงไฟเปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร –วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตกฤษ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. -22:00 น.แต่สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัส ประสบการณ์เต็มวัน สามารถซื้อบัตรตั้งแต่ 09:00 น. -22:00 น. โทร: 032-383 333 Facebookและ IG: nasatta.thai และ Line: @nasatta.