ภาพเก่าเล่าตำนาน : วันรำลึก…การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก February 03, 2025 12:46 PM

2 คำที่ผู้เขียนเพิ่งได้ยิน ได้ฟังจากปากของคนยิวที่พร่ำสอนลูกหลาน ยึดถือเป็นคัมภีร์เพื่อความอยู่รอดของชาวยิว แผ่นดินยิว เพื่อเป็นนักสู้มาถึงปัจจุบัน คือ Never Again 

ถ้าจะแปลแบบลูกทุ่ง คือมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วหรือจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก 

27 มกราคมของทุกปี คือ วันสากลรำลึกฮอโลคอสต์ (International Holocaust Remembrance Day) 

ในปี 2568 นี้ คุณ Orna Sargiv เอกอัครราชทูตอิสราเอลจัดพิธีเล็กๆ เชิญคนราว 30 คนมาร่วมพิธี เชิญผมไปร่วมพิธีนี้ ณ ห้องประชุมขนาดเล็ก โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสุขุมวิท ซอยต้นๆ 

ผมนึกไม่ออกว่าพิธีจะเป็นแบบไหน แต่ก็อ่านประวัติศาสตร์ตอนนี้มาก่อนแล้ว และเคยเรียบเรียงบทความลงในมติชน 

พอจะสรุปได้ว่า 27 มกราคม 2488 ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงกองทัพนาซีเยอรมันของฮิตเลอร์อ่อนแรง ก่อนจะแพ้สงคราม กองทัพแดง (Red Army) ของโซเวียต นำกำลังบุกไปที่ค่ายกักกันที่ใหญ่ที่สุด คือ ค่ายเอาช์วิทซ์ (Auschwitz) ในโปแลนด์ เพื่อปลดปล่อยชายหญิง เด็ก คนแก่ ชาวยิวเกือบ 1 หมื่นคนให้รอดตาย 

ตั้งแต่ฮิตเลอร์เถลิงอำนาจเป็นผู้นำ เขาจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ SS เพื่อไล่ล่าจับชาวยิวทั่วยุโรปไปขังไว้ในค่ายหลายแห่งในยุโรป เพื่อสังหารและทยอยสังหารต่อเนื่องกว่า 4 ปี 

กำลังกึ่งทหาร กึ่งตำรวจ SS เปรียบประดุจยมบาลที่จะสังหารผู้ใดก็ได้ตามดุลพินิจ ทั่วดินแดนยุโรปที่กองทัพนาซียึดครอง ราว 4 ปี หน่วย SS นาซีสังหารเฉพาะชาวยิวไปราว 1.2 ล้านคน 

ประวัติศาสตร์โลกจารึกไว้ว่านี่คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (ในเวลานั้นชาวยิวยังไม่ได้ตั้งเป็นประเทศ ไม่มีดินแดนเป็นของตนเอง) 

สถานทูตเชิญแขกมาร่วมงานไม่เกิน 30 คน นั่งเก้าอี้ที่เรียงกันเป็นรูปตัว U มีจอภาพขนาดใหญ่ ก่อนเริ่มพิธี มีอาหารให้รับประทานเล็กน้อยและน้ำดื่ม ผู้ได้รับเชิญเกือบทั้งหมดสวมเสื้อผ้าสีดำ

เมื่อเริ่มงานพิธีกรเชิญเอกอัครราชทูตไปจุดเทียน 5 ดอก ทุกคนยืนสงบนิ่ง แสดงความระลึกถึงผู้เสียชีวิตราว 2 นาที 

เอกอัครราชทูตเริ่มกล่าวความในใจเป็นภาษาอังกฤษว่าคุณแม่ของเธอเป็น 1 ในผู้รอดชีวิตจาก Holocaust เธอขยายความคำว่า Holocaust ที่เกิดกับชาวยิวนั้น เป็นลักษณะเฉพาะที่มีเป้าประสงค์ มีการวางแผน มีระบบการสังหาร มีวิธีการสังหาร ที่จัดเตรียมมาก่อนอย่างประณีตโดยฮิตเลอร์ผู้นำนาซีเยอรมันจอมโหด มิใช่การสังหารผู้คนในสนามรบที่ประสบเหตุเฉพาะหน้าแล้วสังหาร

กองกำลังที่ลงมือสังหารชาวยิวตามคำสั่ง คือ ชาวเยอรมัน

ทูตอิสราเอลยังย้ำเตือนถึงเหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2566 ที่กองโจรฮามาสบุกมาสังหารชาวยิวผู้บริสุทธิ์ราว 2 พันคน รวมถึงคนงานไทย 41 คน ต้องเสียชีวิตจากความตั้งใจเข่นฆ่าของฮามาส รวมถึงจับตัวประกันชายหญิงไปกว่า 250 คน มีคนไทยรวมอยู่ในกลุ่มนี้อีกเช่นกัน

ผู้คนในห้องสงบเงียบ รับฟังด้วยความสะเทือนใจกับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับชาวยิวที่เอกอัครราชทูตกรุณาเล่าราว 10 นาที 

ที่เลวร้ายที่สุด คือ แนวคิดสุดโต่งของฮิตเลอร์ที่ประกาศว่า โลกนี้ต้องไม่มีชาวยิว (The World without Jewish) 

สุภาพบุรุษผมสีเทาขาวนั่งเคร่งขรึมที่ได้รับเชิญมาพูดเป็นคนถัดไป คือ เอกอัครราชทูตเยอรมนี ท่านเตรียมบทพูดคุยมาในแผ่นกระดาษ กล่าวถึงความเสียใจในเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยความระมัดระวัง

ผู้เขียนคิดไปเองว่า การเป็นชาวเยอรมัน คงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าอภิรมย์นักที่จะพูดอะไรในโอกาสเช่นนี้ ซึ่งเป็นเนื้อหาสั้นๆ 

ตามด้วย ผศ.ดร.ตุลย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ยุโรป ที่ได้บรรยายถึงเหตุการณ์นี้ด้วยภาษาอังกฤษที่เรียบเรียงมาแบบน่าประทับใจ

ทุกภาพที่ปรากฏบนจอในห้องเล็กๆ ที่เอกอัคร ราชทูตอิสราเอลเรียกว่า Living Room มีความหมาย กินใจ รวมถึงคลิปบทเพลงสั้นๆ ที่ชาวยิวแสดงตัวตนในความกล้าหาญ รักแผ่นดินของตน และจะต่อสู้ตลอดไป เพื่อมิให้ลูกหลานลืมว่า บรรพบุรุษของยิวสูญเสียไปมหาศาลกว่าจะมีแผ่นดินอยู่ในโลกใบนี้ และยิวทุกชีวิตต้องสู้ต่อไป

ผู้เขียนขอนำข้อมูลของเหตุการณ์อันน่าโศกสลดมาตีแผ่ครับ

1 กันยายน 2482 ฮิตเลอร์สั่งทหารนับแสน บุกโปแลนด์ กองทัพนาซีรบชนะกองทัพประเทศต่างๆ ในยุโรป เพื่อสางแค้นจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอังกฤษ ฝรั่งเศส ที่ขูดรีดเอาเปรียบทรัพยากรจากเยอรมัน

เวลานั้นฮิตเลอร์คือ 1 เดียวในปฐพี ที่เป็นผู้นำทางความคิดว่าชาวอารยันผมทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว คือ ชนเผ่าที่ต้องเป็นผู้ปกครองโลกนี้ เป็นอารยชน โดดเด่นกว่าทุกชาติพันธุ์ เกลียด เหยียดเผ่าพันธุ์อื่น

จอมโหดมีจิตแอบแฝงด้วยความคิดชิงชังชาวยิวมาแสนนานจากเหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ การเงินในประเทศ ชาวยิวทั้งปวงคือเป้าหมายที่ต้องกำจัด ไม่ว่าจะไปอยู่แห่งหนใด 

วัฟเฟินเอสเอส (Waffen-SS) คือ องค์กรปีศาจในการล่าสังหาร 

ฮอโลคอสต์ (Holocaust) เป็นคำที่ใช้เรียกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวประมาณ 6 ล้านคนโดยระบอบนาซีและของพวกเขา ผู้ร่วมมือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บางครั้งยังถูกเรียกว่า โชอาห์ ซึ่งเป็นคำภาษาฮีบรูที่แปลว่า หายนะ  

ระหว่างปี พ..2476-2488 หน่วย SS เร่งกำจัดชาวยิวในยุโรปให้มากที่สุด หน่วยสังหารที่เรียกว่า กลุ่มไอน์ซัทซ์ ใช้ระบบวิธีการสังหาร หรือจับตัวขึ้นรถไฟทยอยส่งไปขังในค่ายกักกันหลายแห่ง

ชาวยิวในยุโรปจำนวน 6 ล้านคนจากทั้งหมด 11 ล้านคนเสียชีวิต เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์และยูเครนที่ถูกยึดครอง 

คำว่า ฮอโลคอสต์ บางครั้งยังใช้เพื่ออ้างถึงการฆาตกรรมที่วางแผนไว้ สังหารชาวโรมานีและซินตีในยุโรปราว 500,000 คน 

ฮิตเลอร์จิตวิปริต รังเกียจคนพิการ เชลยศึกโซเวียต พลเรือนโซเวียตและโปแลนด์ จึงตกเป็นเป้าหมาย รวมถึงคนรักร่วมเพศ พวกสังคมนิยม พวกคอมมิวนิสต์ ถูกจับกุมเข้าค่ายเพื่อสังหาร

27 เมษายน 2483 นายพลฮิมม์เลอร์ (มือขวาของฮิตเลอร์) สั่งให้สร้างค่ายกักกันชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดคือ ค่ายเอาช์วิทซ์ในโปแลนด์ ใกล้กับเมืองเล็กๆ ของโปแลนด์ที่ชื่อว่า ออชวิซิม 

นรกบนดิน เอาช์วิทซ์ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดร้ายที่สุด นักโทษถูกบังคับให้ทำงานเยี่ยงทาส โดยส่วนใหญ่เป็นของบริษัทเยอรมัน 

ฤดูร้อน 2484 ฮิมม์เลอร์ได้สั่งให้รูดอล์ฟ โฮสส์ ผบ.ค่ายเริ่มการทดสอบและยืนยันฤทธิ์ร้ายแรงของไซโคลน บี ซึ่งเป็นสารที่ใช้กำจัดศัตรูพืชโดยทั่วไป โดยใช้ชาวยิวเข้าห้องอบแก๊สเป็นเหยื่อทดลอง 

ต่อมามีการสร้างห้องรมแก๊สขนาดใหญ่เพิ่มอีก 4 ห้อง เพื่อเร่งสังหารผู้คนได้มากถึง 6,000 คน/วัน ชาวยิวทั้งหลายจะได้รับการแจ้งอย่างสุภาพว่า นี่เป็นห้องอาบน้ำ เป็นมาตรการฆ่าเชื้อก่อนไปเข้าโรงงาน 

ห้องอบแก๊สสังหารทำงานทั้งวัน เพื่อเร่งสังหารชาวยิว ซากศพทั้งหลายจะถูกโกยตักโดยรถแทร็กเตอร์เพื่อนำไปฝังกลบแบบขยะ

วันหนึ่งชาวยิวสโลวัก 2 คน คือ อัลเฟรด เวทซ์เลอร์ และ วอลเตอร์ โรเซนเบิร์ก หนีออกมาได้สำเร็จ ข้ามไปยังสโลวาเกียและบอกผู้นำชาวยิวและบอกโลกเกี่ยวกับความจริงอันเลวร้ายของค่ายเอาช์วิทซ์ 

หลังจากนั้นไม่นาน ห้องรมแก๊สและเตาเผาศพก็ถูกทำลายตามคำสั่งของฮิมม์เลอร์ เนื่องจากนาซีต้องการซ่อนร่องรอยของเครื่องจักรสังหารก่อนที่กองทัพแดงจะบุกเข้ามาถึง 

นักโทษราว 58,000 คน ในค่ายถูกต้อนออกไปอย่างเร่งด่วน เพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสังหารทิ้งบนถนน

27 มกราคม 2488 กองทัพแดงบุกเข้าไปในค่าย พวกเขาพบนักโทษ 7,650 คนที่เหนื่อยล้าและอดอยาก และพบหลักฐานอาชญากรรมจำนวนหนึ่งที่นาซีไม่มีเวลาทำลาย พวกเขาพบเส้นผมมนุษย์เกือบ 8 ตัน และชุดแต่งกายของผู้ชายมากกว่า 1 ล้านชุด

ค่ายเอาช์วิทซ์กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะวันนั้นกองทัพของรัสเซียบุกไปปลดปล่อยค่ายแห่งนี้ นั่นหมายถึงผู้คนนับหมื่นที่จะต้องถูกประหารรอดชีวิตทั้งหมด

ปี พ..2490 หลังเยอรมันแพ้สงคราม เจ้าหน้าที่ในค่ายเอาช์วิทซ์จำนวนมากถูกนำตัวขึ้นศาลในโปแลนด์และเยอรมนีตะวันตก รูดอล์ฟ โฮส ผบ.ค่ายเอาช์วิทซ์ ถูกตัดสินประหารชีวิต 

นรกบนดินแห่งนี้ถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์รัฐเอาช์วิทซ์เบียร์เคเนา 

เมื่อจบการบรรยายของ 3 ท่าน ที่น่าสะเทือนใจ ผู้เขียนได้สอบถามกับ เอกอัครราชทูตเยอรมันว่า เยาวชนในเยอรมันได้ศึกษาได้เรียนประวัติศาสตร์ช่วงนี้มั้ยท่านทูตตอบว่าแน่นอนมีบทเรียนอันน่าเศร้านี้ในหลักสูตรการเรียน รวมถึงสถานศึกษาต่างๆ ในทวีปยุโรป ก็ต้องเรียนรู้เช่นกัน

Never Again สำหรับชาวยิว ลึกซึ้ง ล้ำลึกมากครับ

พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก     

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.