ตม.3 รวบ หนุ่มอิสราเอล ก่อคดีฆ่าโหดเหยื่อ กรุงเทลอาวีฟ หนีกบดานเมืองไทย ย่านพัทยา
เมื่อวันที่3 ก.พ. พล.ต.ท.ภานุมาศ บุญญลักษณ์ ผบช.สตม.พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ส.4 รรท.ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้เร่งสนองนโยบาย ผบ.ตร.โดยให้ดำเนินการกับคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำความผิดกฎหมาย และคัดกรองบุคคลต่างด้าวที่แอบใช้สถานะการเป็นนักท่องเที่ยวแอบเข้ามาในราชอาณาจักรด้วย โดย พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.ตม3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.อิธิธร ประเสริฐศักดิ์ รอง ผกก. และทีมกองสืบ ตม. 3 ได้ทำการคัดกรองบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร พร้อมประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ
และเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานจากประเทศต่างๆ เพื่อคัดกรองคนต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ จนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่า มีผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอุกฉรรกจ์ของประเทศอิสราเอล หลบหนีคดีมากบดานอยู่ในพื้นที่ย่านพัทยา เมื่อได้ประสานตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วน่าเชื่อได้ว่า คือ นาย T (นามสมมุติ) ชายชาวอิสราเอล วัย 27 ปี เป็นบุคคลตามตามหมายแดงในคดีอุฉกรรจ์จากประเทศอิสราเอลจริง จึงได้เข้าทำการควบคุมตัวโดยได้ดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่เกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด” พร้อมทั้งได้เสนอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในอาณาจักรต่อไป
พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ ได้เปิดเผยว่า กรณีบุคคลต่างด้าวราย นาย T ได้ก่อเหตุ ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยการล่อล่วงเหยื่อมายังอพาทเมนต์ของตนกับเพื่อนซึ่งเป็นผู้ต้องหาอีกคนในคดีนี้ จากนั้นได้รุมกันใช้ขวดกระหน่ำทุบที่ศีรษะของผู้เสียหาย และใช้มีดแทงที่คอของเหยื่อจำนวนหลายแผล จนเป็นเหตุให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะหลบหนีไป กรณีดังกล่าวศาลแขวงเมืองเทลอาวีฟ ได้ออกหมายจับ นาย T ไว้แล้ว ในความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายสาหัส และ ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกกว่า 23 ปี
ทั้งนี้ทางการสืบสวนทราบว่า หลังก่อเหตุเมื่อนาย T รู้ว่าผู้ต้องหาอีกรายถูกจับกุม จึงได้รีบหลบหนีออกจากประเทศอิสราเอลมาด้วยหนังสือเดินทางปลอม ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางจริงของตน เมื่อห้วงปลายปี 2567 และภายหลังได้ถูกกองสืบ บก.ตม.3 จับกุม ในละแวกที่พักย่านพัทยากลาง ก่อนที่จะได้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ประสานงานประจำประเทศไทย เพื่อส่งตัวบุคคลดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป