คลัง เริ่มเก็บภาษีคาร์บอน ภายในก.พ.นี้ ยันไม่กระทบต้นทุนใช้โครงสร้างภาษีน้ำมันเดิม สรรพามิต ผนึกจุฬาฯ-ปั๊มปตท.-บางจาก สร้างความรู้ภาษีคาร์บอน ผ่านการเติมน้ำมัน เริ่ม1 มี.ค.
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมจัดเก็บภาษีคาร์บอน จากราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดเริ่มครั้งแรกภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกฤษฎีกา ซึ่งจะประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือนนี้ โดยยืนยันการเก็บภาษีคาร์บอนจะไม่กระทบราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะจะคิดรวมอยู่ในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเดิมอยู่แล้ว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สำหรับการเก็บภาษีคาร์บอนจะจัดเก็บ 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งการเก็บภาษีคาร์บอนนี้จะคำนวณจากอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนของน้ำมันแต่ละชนิด ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไม่เท่ากัน หากปล่อยมากก็จะเก็บมาก ปล่อยน้อยก็จะเก็บน้อย
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะเดียวกันเพื่อเตรียมพร้อมรับการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้ร่วมมือคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามเอ็มโอยูขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ปตท.และพฤติกรรมการใช้พลังงานในหลากหลายมิติ มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ด้านหม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) กล่าวว่า จากการลงนามในครั้งนี้ โออาร์จะแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ เริ่มวันที่ 1 มีนาคมนี้ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอน และพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน รับทั้งสร้างความตระหนักรู้เรื่องภาษีคาร์บอนของผู้ใช้พลังงาน
ขณะที่นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของบางจาก สำหรับสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ส เมื่อเติมน้ำมันแล้วข้อมูลจะแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก แต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ และทำการเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ภายใต้แคมเปญ ต้นไม้ของคุณ ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น เริ่มวันที่ 1 มีนาคม 2568 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดการปล่อยคาร์บอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าเฉลี่ยเก็บภาษีคาร์บอนจะอยู่ที่ 45-62 บาทต่อลิตร ยกตัวอย่าง น้ำมันดีเซลบี 5 เดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร แต่เมื่อมีการเรียกเก็บภาษีคาร์บอน ภาพรวมของภาษีจะเสีย 5.99 บาทเท่าเดิม แต่จะมีการแบ่งสัดส่วนการเก็บไปเป็นภาษีคาร์บอน 0.52 บาทต่อลิตร และลดภาษีสรรพสามิต 4.47 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันกลุ่มเบนซิน จะคิดภาษีคาร์บอนที่ 45 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 20 จะคิดภาษีคาร์บอน 36 สตางค์ต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลบี10 คิดอัตราภาษี 49 สตางค์ต่อลิตร แอลพีจี คิด 64 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งอัตราเหล่านี้ไม่ได้เก็บเพิ่มจากเดิม แต่จะมีการเฉือนภาษีสรรพสามิตลง เพื่อนำมาเก็บคาร์บอนเครดิตแทน
