กรณีที่ “นางปวีณา หงสกุล” ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เข้าช่วยเหลือ 4 สาวไทย ถูกแก๊งจีนเทาร่วมกับคนไทยหลอกไปอุ้มบุญที่ประเทศจอร์เจีย ก่อนโดนบังคับให้รีดไข่ขายไปทำเด็กหลอดแก้ว มีสาวไทยเป็นเหยื่ออีกนับ 100 ราย โดยเชื่อว่าอาจมีการค้าอวัยวะไปขายต่อตลาดมืด
รายการ โหนกระแส วันที่ 4 ก.พ. 68 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ เอ-บี-ซี-ดี ผู้เสียหายที่ถูกหลอก, ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี , ศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลับ , ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข , รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ ประธานอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ได้รับเรื่องร้องเรียนมาได้ยังไง?
ปวีณา : น้องเอแล้วกัน นามสมมติ เดินทางมาที่มูลนิธิบอกว่าขอให้ไปช่วยผู้หญิงสามคน โดนหลอกไปประเทศจอร์เจีย ตอนแรกจะไปอุ้มบุญ แล้วปรากฏว่าไปถึงที่นั่น เขาบังคับให้ขายไข่
ไข่จากตัวเธอเองที่ถูกผลิตขึ้นมา?
ปวีณา : ทีนี้เราก็วิดีโอคอล เขาก็ร้องไห้กัน บอกว่าช่วยหน่อยเถอะ ไปที่นั่นปรากฏว่ามีผู้หญิงไทยเป็นร้อยคนเลย เขาทำเหมือนไม่ใช่มนุษย์ เหมือนเป็นไก่ให้อยู่แล้วฉีดยากระตุ้นฮอร์โมน ถ้าไข่ตกปฏิสนธิได้เขาก็จะส่งไปรพ. วางยาสลบ แล้วดูดไข่ออกมา ตรงนั้นทุกคนเห็นก็ตกใจแล้ว เขาก็ขอให้ช่วย ตอนแรกปรึกษากับท่านอธิบดีกรมการกงสุลแห่งประเทศ ปรากฏว่าบ้านเราไม่มีสถานทูตที่ประเทศจอร์เจีย อ้าว แล้วทำไง ก็ไปที่กองการต่างประเทศแล้วกัน ไปพบท่านพล.ต.ต.สุรพันธ์ ไทยประเสริฐ ผู้กำกับการกองการต่างประเทศคือตร. อินเตอร์โปลของประเทศไทย ท่านก็นั่งประชุม เราก็ประชุมกัน หลังจากนั้นมีรองผกก. คนนี้เก่ง ท่านสุวนันท์ วรนันท์ ท่านก็ไปบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะประสานกับอินเตอรโปลระหว่างประเทศเลย พอวันรุ่งขึ้น เราก็ได้ทราบข่าวเลยว่าอินเตอร์โปลเข้าแล้ว ไปช่วย 3 คน เรามีชื่อแค่ 3 คน แต่อีกเกือบร้อยคน ยกมืออยากไปด้วยแต่ไปไม่ได้ อินเตอร์โปลจอร์เจีย ตร.สากลจอร์เจีย 30 นาย เข้าไปทลาย จะช่วยทั้งหมดแต่ช่วยไม่ได้ เพราะทุกคนไม่กล้าออกมา พวกนั้นโดนข่มขู่ว่าถ้าออกมาจะโดนจับ จากนั้นอินเตอร์โปลจอร์เจียก็พาไปเซฟเฮ้าส์ อยู่เป็นเดือน เพิ่งกลับมา 30 ม.ค.ปีนี้ พี่ก็ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ เขาก็ไฟเขียวกลับ เราก็ได้กลับมา
คุณเอ เรื่องราวเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?
เอ : เหมือนมีคนแนะนำว่าให้ไปอุ้มท้องให้ชาวต่างชาติ เจอในเฟซบุ๊ก ตอนนิ้เขาปิดเพจไปแล้ว ตอนนั้นใช้ชื่อว่าบริจาคไข่อุ้มบุญ เขาก็มีเขียนข้อมูลว่าอยู่บ้านตั้งท้อง ได้เงินเดือน เดือนละ 1.5 หมื่น ถึง 2 หมื่น เราก็สนใจ เขาบอกว่าตรงนั้นถูกกฎหมาย สามารถกินอยู่สบาย เขาจะดูแลเราอย่างดี ทำสัญญาถูกต้องกับพ่อแม่เด็ก
ก่อนไปเขามีการส่งรูปพ่อแม่เด็กให้ดูก่อนมั้ย?
เอ : ไม่ค่ะ เขาบอกว่าไปเจอพ่อแม่เด็กที่โน่น แล้วนัดทำสัญญากัน เขาเป็นคนจอร์เจียเลยค่ะ
เพจนั้นเขาบอกว่าเป็นคนประเทศไหน?
เอ : คนที่พิมพ์คุยกับหนูเป็นคนไทยค่ะ
เขามีทีมงานฝังตัวอยู่ในเมืองไทย เวลาทำสัญญา ทำสัญญาโดยตรงกับพ่อแม่เด็กที่คุณจะอุ้มบุญให้ คำว่าอุ้มบุญหมายถึงเขาจะเอาตัวอ่อนใส่มาในตัวคุณหรือเริ่มกระบวนการใช้ไข่คุณไปเป็นตัวอ่อนเลย?
เอ : เขามีตัวอ่อนของเขาอยู่แล้ว
คุณเป็นแค่ตัวกลางเอาตัวอ่อนมาใส่ คลอดมาก็กลับเมืองไทย คุณตกลงทำสัญญา จ่ายค่าอะไรมั้ย?
เอ : ไม่จ่ายเลยค่ะ เขาก็พาเราไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา ให้เงินติดตัวไว้โชว์กับตม.ประมาณ 500 ดอลลาร์ค่ะ ไปถึงเขาก็ขอคืนและยึดพาสปอร์ต เขาพาไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ แล้วพาไปประเทศอาบีเนีย เหมือนให้เราไปพักที่นั่นประมาณ 4 วัน แล้วพาเราเข้าจอร์เจียด้วยรถไฟ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เขาเอาเงินคืนที่จอร์เจีย
คุณเจออะไรก่อน?
เอ : เจอคนจีนมารับ ก็ตกใจบ้างนิดหน่อย เขาก็พามาพักที่โรงแรมก่อนคืนนึง แล้วคืนนั้นมาขอพาสปอร์ตไป แล้วขอเงินคืน 200 ดอลลาร์ จากนั้นอีกวันเขาก็พาเราไปบ้านพักหลังนึง มีคนไทยอีกกลุ่มนึง ประมาณเกือบ 60 คน เหมือนจังหวะมีคนไทยคนนึงไปรพ.เพิ่งกลับมา เขาร้องไห้แล้วมาปรับทุกข์ว่าตรวจร่างกายไม่ผ่าน 3-4 เดือนแล้วไม่ผ่านสักที อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีเงินใช้หนี้เขา เหมือนเขายื่นข้อเสนอว่าให้ขายไข่ เขาก็ไม่อยากขาย ก็ร้องไห้ปรับทุกข์กัน เราได้ยินก็เริ่มไม่สบายใจ รู้ว่าไม่ใช่การอุ้มบุญแล้ว
ตอนเดินทางไป ไปกันกี่คน?
เอ : 11 คน รวมคนของเขาพาบินไปอีกคน เป็น 12 คน อายุก็ 20 ต้นๆ ถึงกลางๆ
เขาคัดคนอายุเท่าไหร่ไป?
เอ : เจออายุมากสุดก็ 19 มากสุดก็ 37 ค่ะ คนที่ไปด้วยเป็นคนของเขา เป็นผู้หญิง วัยประมาณกลางคน
พอไปถึง บ้านที่อยู่เป็นแบบไหน?
เอ : เหมือนอพาร์ตเมนต์ เขาเหมาทั้งหลังสี่ชั้นให้คนไทยอยู่ค่ะ เป็นห้องซอยๆ ด้วย มีประมาณ 4 หลัง คนไทย 100 กว่าคน
มีบางคนพิมพ์มาว่า สมยอมแล้วไปรับบทเหยื่อ ไม่ใช่นะ อย่าไปเบลมเหยื่อ เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับใครคุณไม่รู้ ความจนโคตรน่ากลัว บางคนไม่มีคือไม่มีจริงๆ พอมีคนหยิบยื่นโอกาสเขาก็คิดว่าเป็นโอกาสทองของเขา ร้อยบาทของเขากับคุณไม่เหมือนกัน บางครั้งจะไปบอกว่าเขาสมยอมเองไม่ใช่ เข้าใจว่าการไปต้องการแสวงหาให้ชีวิตดีขึ้น บางครั้งมันเลือกไม่ได้ ไปแล้วโดนหลอก จะผิดจะถูกไม่รู้ แต่สุดท้ายเขาต้องการความช่วยเหลือ เราเป็นคนไทยก็ต้องช่วยเขา จะปล่อยให้เขาไปตายที่โน่นก็ไม่ใช่ อย่าไปเบลมเหยื่อ กราบขอจริงๆ เรื่องแบบนี้วันนึงอาจเกิดขึ้นกับคุณ แล้วคุณอาจต้องมานั่งให้ผมสัมภาษณ์ก็ได้ แล้วจะมีคนบอกคุณเหมือนกัน ว่าคุณเป็นเหยื่อประเภทไหน อย่าไปเบลมเขา ตอนคุณรู้ คุณทำยังไงต่อ?
เอ : ขอกลับเลย ตอนแรกเขาบอกว่าไม่อยากให้กลับ กลัวว่ากลับมาจะสร้างปัญหาให้เขา แต่ถ้าจะกลับจริงๆ ต้องจ่ายค่าเสียหายให้เขาประมาณ 5 หมื่น หนูก็กู้เงินแล้วขายทุกอย่างที่ขายได้ แล้วจ่ายให้เขา แล้วกลับ วันกลับขอเพิ่มอีก 2 หมื่น ตอนแรกไม่ยอม เราก็ขอร้องเขา พูดว่าถ้าไม่ให้กลับจริงๆ จะให้ทางบ้านแจ้งตร.
ปวีณา : เขาจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
เอ : ตอนนั้นคนจีนเหมือนจะแย่งโทรศัพท์เราในห้องพัก มีการโต้เถียงกันนิดหน่อย สุดท้ายเขาไม่ได้ทำ ไม่ได้ยึด มีปากเสียงกันตอนเราขอกลับ อยู่ที่นั่นประมาณ 3-4 วัน กลับมาก็ติดต่อทางมูลนิธิปวีณา หนูไม่ติดต่อก็ได้ แต่คนอื่นที่เขาอยากกลับแต่กลับไม่ได้ หนูรู้ว่าหนูอยู่ตรงนั้นหนูทุกข์ใจ เขาก็ทุกข์ใจเหมือนกัน
คุณบีคือหนึ่งในคนที่ถูกช่วยออกมา สามคนนี้คือคนที่ไม่มีเงินไถ่ตัวเองออกมา คุณไปที่นั่นได้ไง?
บี : หางานจากเฟซบุ๊กค่ะ เดินทางไปพร้อมกัน เขาเขียนว่างานรับอุ้มบุญ ได้เงินหลายแสน ด้วยความไม่มีงานอยู่แล้ว ครอบครัวลำบากก็เลยไป บินคืนวันที่ 30 พร้อมกันทุกคน ไปรู้จักกันที่นั่นค่ะ ที่ต่างประเทศ
ไปแล้วเป็นไง?
บี : ลำบากค่ะช่วงที่ไป เพราะคนพาบินไม่ดูแล ไม่ซื้อให้กิน ลำบากระหว่างทางกว่าจะถึง เมื่อไปถึงอาบีเนีย ก็อยู่ที่นั่น 3 คืน ก้าวถึงจอร์เจีย หนูไปรพ.คนแรก เขาเอาไปตรวจภายใน เพราะหนูเป็นประจำเดือนก่อนเพื่อนๆ ตรวจซาวด์ข้างใน 3 ครั้ง 3 รอบแล้วก็เจาะเลือด ได้ไปพบเพื่อนที่รพ. คนนึงดูดไข่ อีกคนกระตุ้นไข่ที่หน้าท้องค่ะ เมื่อไปถึงพบเจอว่ามันไม่ใช่การอุ้มบุญแน่ๆ หนูกลับมาที่ห้องหาคุณเอ มาเล่าคุณเอว่าไปมาแล้ว มันเหมือนไม่ใช่กระบวนการอุ้มบุญค่ะ เห็นเพื่อนถูกวางยาดูดไข่ อีกคนก็กระตุ้นไข่ ก็เลยมาถกเถียงกันเรื่องอยากกลับบ้าน คนจีนแจ้งว่าถ้าอยากกลับต้องขายไข่ 3 ครั้ง ถ้าไม่มีเงินชดใช้ ประมาณนี้ค่ะ เขาใช้วีแชต แล้วมีล่ามคนไทยอีกคนมาคุย เป็นคนดูแล พาไปหาหมอ
ได้ถามเขามั้ยพาเรามาทำอะไร?
บี : คนไทยไม่พูดอะไรเลย เขาบอกว่าเขาพูดไม่ได้ แค่ทำตามหน้าที่พาไปหาหมอเท่านั้น และพูดคำเดิมว่าต้องขายไข่ 3 ครั้งถึงจะมีโอกาสได้กลับบ้าน ก็ตั้งสติ ให้คุณเอมาหาท่านปวีณาให้ไปช่วยพวกหนูกลับมา ได้มีชีวิตโชคดีได้กลับมเหยียบแผ่นดินไทยวันนี้ค่ะ
คุณซีไปพร้อมเขาหรือเปล่า?
ซี : ใช่ค่ะ เจอในเพจเฟซบุ๊กเหมือนกัน ไปถึงก็ลำบากมาก ลำบากที่สุดตั้งแต่ไป (ร้องไห้) โชคดีมากที่ฝั่งนี้ติดต่อท่านปวีณาให้กลับมาได้ค่ะ (ร้องไห้)
เขาบังคับให้คุณทำอะไรมั้ย?
ซี : ของหนูยังไม่ถึงขั้นตอน ไปถึงหนูได้ไปตรวจร่างกายหลังจากคุณบีไปตรวจกลับมา แต่ร่างกายหนูไม่พร้อม เขาบอกว่าให้รออีก 1 เดือน
ทำไมเขาถึงตรวจคุณ?
ซี : ถ้าใครเป็นประจำเดือนต้องแจ้งเขาเลย หนูเป็นหลังจากคุณบีเป็น
ศ.นพ.กำธร : ช่วงมีเมนส์เขาตรวจประเมินไข่อ่อน โอกาสกระตุ้นแล้วได้ไข่ประมาณกี่ใบ ตรวจฮอร์โมนเริ่มต้นเพื่อเป็นพื้นฐานในระบบการกระตุ้นไข่ก็ทำเช่นนั้นก่อน
เขาทำยังไงต่อ?
ซี : จากนั้นเขาบอกว่าหยุด รออีก 1 เดือน
คุณบีโดนฉีดยา?
บี : ไม่สบาย ไม่มีแรงเพราะความเครียด ความกดดัน เขาฉีดที่หน้าท้อง แล้วไปอัลตร้าซาวด์ทุกอาทิตย์ มีโฟลิกมาให้กิน บังคับกิน ถ่ายคลิปให้เขาดูทุกครั้ง ต้องกินยาเวลาเดียวทั้งหมด และถ่ายคลิปให้เขาดูทุกวัน ถ้าไม่ทำเขาก็จะบอกว่าเราทำผิดกฎ จะโดนเรื่องเงินค่าจ้างเป็นรายเดือน ที่จะได้ก็ไม่ได้นะ ประมาณนี้ค่ะ
คุณซีโดนอะไรบ้าง?
ซี : ตรวจร่างกายรอบเดียว ยังไม่ถูกฉีดยา เพราะยังไม่พร้อม
คนไทยเยอะมั้ย?
บี : เยอะค่ะ วันที่หนูไป มีอยู่ 72 คนค่ะ
เป็นโรงงานผลิตเด็กเหรอ?
บี : ใช่ค่ะ ผ่านไปอีกสักอาทิตย์ มีคนไทยเพิ่มไปอีก 12 คน ยังไม่รวม 72 คนที่มาก่อนนะคะ
เป็น 84 แล้ว เบ็ดเสร็จน่าจะมี 100 สี่ตึกที่เช่าเอาไว้ซอยเป็นห้องๆ ให้คนไทยไปอยู่กัน เยอะมาก คุณดีไปกับเขามั้ย?
ดี : ค่ะ เริ่มแรกเลยบินไปเจอคุณเอ บี ซี โดยไม่ได้รู้จักกันเลย บินไปตั้งแต่อู่ตะเภา ดูไบ อาเมเนีย ระหว่างอยู่อาเมเนีย เขาไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารการกินเลย น้ำก็ต้องไปกินที่ก๊อกน้ำ อาหารก็ไม่มีให้กิน เราก็หมดแรงกัน ก็คิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะ เพราะการดูแลขนาดน้ำยังไม่มีให้กิน พวกหนูไม่มีแรงกันเลย พอนั่งรถไฟไปถึงประเทศจอร์เจียก็รู้สึกตกใจ เพราะคนที่พาบินคือปล่อยพวกหนูทิ้งไว้ที่นั่น โดยมีคนจีนมารับไป เราก็เอะใจว่าทำไมมีคนจีนมารับ หนูเองยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการอะไร หนูฉีดยา 2 เข็ม เขาไม่ได้ตรวจภายใน หนูไม่รู้เลยว่าทำไมเขาเอาหนูไป มีเพื่อนในกลุ่มนั้นอีก 3 คนที่โดนฉีดเหมือนหนู
ทั้งที่มีประจำเดือน?
ศ.นพ.กำธร : ปกติเขารอเมนส์ ถ้าไม่รอเมนส์ถามว่ากระตุ้นได้มั้ย ทำได้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยดี จะทำในกรณีที่มีความเร่งรีบอย่างยิ่ง เช่นไม่มีเวลาแล้ว อาจกระตุ้นไปเลย
ดี : เพื่อนอีก 3 คนก็โดนฉีดเหมือนกัน 7 วันฉีดทีนึงหนูโดนไป 2 เข็ม โดนฉีดที่แขนค่ะ
ศ.นพ.กำธร : การฉีดเขาเรียกว่าฉีดใต้ผิวหนัง ฉีดที่แขนหรือท้องก็ได้ แต่เขาเชื่อว่าการฉีดที่ท้องจะเจ็บน้อยกว่า ฉีดที่แขนจะเจ็บมากกว่า
ดี : พอฉีดแล้วหนูมีอาการ มีไข้ หมดแรง กินอาหารไม่ได้ หนูไข้อยู่ 3 วัน เขาไม่ได้ถามเลยว่าเป็นอะไรมั้ย ไม่มียาให้กินนะคะ หนูเอายาที่พกจากประเทศไทยไปกิน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย
ศ.นพ.กำธร : กรณีที่เราให้ยากับคนไข้ที่เป็นยากระตุ้นไข่ มักบอกคนไข้ว่าเวลาการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สิ่งที่จะตามมาบางครั้งก็จะมีระบบการไหลเวียนของเลือดที่เปลี่ยนแปลง ในบางรายที่มีการตอบสนองเยอะเกินไป ก็จะมีน้ำขังในช่องท้อง รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ เลือดมีลักษณะข้นหนืดสูงขึ้น มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บางคนมีน้ำจำนวนมากทำให้อึดอัด ถ้ารายที่รุนแรงจะขึ้นไปที่ปอด ทำให้น้ำท่วมปอดได้ด้วย เวลาน้ำท่วมปอดหรือมีประเด็นน้ำขังในช่องท้อง บางคนก็จะเกิดเลือดไหลเวียนผิดปกติได้ ตายได้ครับ ยืนยันครับ
ธนกฤต : เรื่องนี้ร้ายแรงมากนะ การนำคนไปในลักษณะขายหรือดูดไข่ มีความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ เช่นพรบ.ค้ามนุษย์ การตัดอวัยวะขายไปบางส่วน หรือพรบ.คุ้มครองเด็กที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธุ์ มันก็มีเรื่องการขายไข่ ต้องได้รับการอนุญาต มีกฎหมายไทยทำไว้เพื่อกรณีสามีภรรยามีลูกยาก ต้องไปขึ้นทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเพื่อขออนุญาตการตั้งครรภ์ แต่อันนี้ต้องเป็นการดูแลโดยแพทย์ แต่ลักษณะแบบนี้ มีความผิดฐานโฆษณาก่อน โฆษณาเชื้อเชิญให้คนไปทำงานที่ต่างประเทศ เอาน้องไปแล้วทำการขายไข่หรือตัดอวัยวะขาย คดีนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าตัวแทน นายหน้า หรือคนชักชวน หรือโฆษณาผ่านระบบ ตรงนี้มีความผิดหมด แม้กระทั่งออกไปนอกประเทศก็เป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับด้วย หรือทั้งจำทั้งปรับ ฝากเตือนว่าถ้าคนที่คิดจะไปทำเรื่องการตั้งครรภ์ เขาเข้าใจว่านี่คือการอุ้มบุญ เมื่อคลอดก็จบ แม้แต่กฎหมายไทยเรา การที่จะอุ้มบุญลักษณะแบบนี้ ต้องเป็นคนที่เป็นญาติกันนะ ที่น่ากลัวคือวันหนึ่งอาจกลายเป็นว่ามีพี่หนุ่มสองคนโดยไม่รู้ตัว เอาไข่ไปถ้ามีการขายโดยไม่ได้ควบคุม เอาไปขายก็ไม่รู้หรอกวันดีคืนดี คนที่เอาไปผิดกฎหมายมีดีเอ็นเอเหมือนเรา คล้ายๆ การโคลนนิ่ง เรื่องนี้น่ากลัวมากๆ ถ้าเอาไข่ไปแล้วไข่กลายเป็นไข่เดียวกับเรา ตรวจดีเอ็นเอเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ แต่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แล้วจะเกิดความโกลาหลมั้ยในอนาคตต่อไป ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องควบคุม ผมมองว่ากฎหมายต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ทันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ภาครัฐอาจต้องมีการปรับตัวบทกฎหมายบางอย่างให้ชัดกว่านี้ด้วยครับ
ปวีณา : ต้องปรับปรุงกฎหมายใหม่ เพราะมันล้าสมัยมาก ตั้งแต่ปี 51 ไม่ทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันเลย ควรเป็นเรื่องค้ามนุษย์ด้วย ไม่เข้าค้ามนุษย์ไม่ได้ เพราะต่างชาติ ยูเอ็น เขาค้ามนุษย์กันไปหมดแล้ว
ศ.นพ.กำธร : มีเอกสารของสหประชาชาติเขียนชัดเจนว่าการนำพาบุคคลไปเพื่อการนำเอาอวัยวะออก รวมถึงการบริจาคไข่ ความจริงคือขายไข่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องการค้ามนุษย์ ฉะนั้นถามว่ากรณีแบบนี้อย่างน้อยที่สุดในสากลถือว่าเป็นการค้ามนุษย์ครับ
ดร.ธนกฤต : ถ้าเคสนี้เป็นเคสที่ต้องไปดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง อันนี้จะเข้าความผิดมูลฐานเรื่องฟอกเงิน ต้องไปยึดทรัพย์ ต้องไปที่ปปง. ต่อ ใครที่คิดจะทำเรื่องนี้ ฝากไว้เลยว่าคุกและถูกยึดทรัพย์ด้วย ไล่ไปหมดเลย ใครเกี่ยวข้องบ้าง
อุ้มบุญยังไงก็ผิดกฎหมาย แต่ในเมื่อไปแล้วคุณไม่ได้ไปอุ้มบุญ แต่เขาจะเอาไข่คุณไปทำอุตสาหกรรมผลิตเด็กหรืออิ๊กซี่ แต่หลายคนไม่เชื่อว่าเด็กจะถึงมือพ่อแม่ เขาเชื่อว่าคืออุตสาหกรรมค้าอวัยวะมนุษย์ ต้องการไตก็ผ่าไตเด็กส่งขายเลย ต้องการหัวใจก็ผ่าหัวใจ ต้องการตาก็ผ่าตา?
ดร.ธนกฤต : สุดท้ายก็จบที่พิการ เป็นขอทานที่สีลม คนไทยใจบุญ
แต่อันนี้ตายเลย?
ดร.ธนกฤต : หัวใจตาย แต่บางอย่างไม่ตายก็กลับมาที่นี่
ศ.นพ.กำธร : ถ้าดูในรายงานของการประชุมสหประชาชาติ เขาเชื่อว่าจำนวนนึงอาจไม่ใช่ทั้งหมด เด็กที่เกิดจากกระบวนการนี้ อาจส่งเข้าสู่อุตสาหกรรมของโสเภณีเด็ก แล้วเรื่องของการถ่ายภาพลามกอนาจารของเด็ก รายการสหประชาชาชาติเขียนไว้แบบนี้ มีชื่อประเทศไทยด้วย
ปวีณา : อันนั้นคงอีกรูปแบบนึงที่เคยเจอ แต่อันนี้หน้าตายังไงก็ได้ เอาไข่อย่างเดียว นั่นหมายความว่าขายอวัยวะเอาไปทำอะไร
ในการผลิตเด็กอิ๊กซี่ต้องทำอะไรบ้าง?
นพ.กระเษียร : ไม่ใช่ทุกคนกระตุ้นไข่ทำอิ๊กซี่ ต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ อาจมีปัจจัยทางผู้ชายหรือผู้หญิง เช่นผู้หญิงท่อรังไข่อุดตัน หรือเป็นโรคหัวใจตั้งครรภ์ไม่ได้ เราก็จะมีการเก็บไข่ออกมา ทีนี้ขั้นตอนก่อนเป็นอิ๊กซี่ ก่อนนั้นมีการฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูกก่อนที่แพทย์เรียกว่าไอยูไอ ก่อนเข้ากระบวนการไอวีเอฟ คือปฏิสนธินอกร่างกาย แต่อิ๊กซี่ ปัจจุบันจะจิ้มสเปิร์มไปในไข่ 1 ใบเพราะอัตราปฏิสนธิจะสูงกว่า ไม่ใช่แพทย์ทุกคนกระตุ้นได้ ต้องเป็นสูตินารีแพทย์ที่ต้องผ่านการฝึกอบรม เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์เท่านั้น ในประเทศไทยมี 300 กว่าท่านเท่านั้น และถ้าจะทำในไทยต้องเป็นคู่ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อย่างนั้นไม่สามารถเอาไข่กับสเปิร์มาทำเด็กหลอดแก้วได้ เราต้องตรวจร่างกายก่อน ว่าพร้อม มีข้อบ่งชี้ เจาะเลือดดูฮอร์โมนว่ารังไข่ทำงานแค่ไหน และมีการให้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นไข่ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้ให้ 10-12 วันโดยทั่วไป กระตุ้นให้ได้ไข่ปริมาณมากเท่าที่จะทำได้ และหญิงคนนั้นต้องมีความปลอดภัยเกิดขึ้นด้วย เรามีการติดตามระดับการฮอร์โมน อัลตร้าซาวด์ผ่านช่องคลอดว่าได้ไข่กี่ใบ ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บไข่ตอนไข่โต 18-20 มิลฯ เป็นวันที่ 13-14 ของรอบเดือน ฉีดยาให้ไข่ตก และมีการเก็บไข่ซึ่งส่วนใหญ่ต้องวางยาสลบ ฉะนั้นผู้หญิงที่ผ่านกระบวนการนี้มีแต่ความเสี่ยง ผมเรียนให้ทราบว่าคนที่จะไปสู่กระบวนการนี้ ต้องการให้ไข่ปริมาณมากๆ ก็จะให้ฮอร์โมนในปริมาณสูงๆ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของสตรีผู้นั้น
ผมเคยเจอตัวอย่างรายนึงมาแอดมิตที่รพ.ได้ไข่ประมาณ 40 กว่าใบซึ่งอันตรายมาก ปกติจะได้ต่ำกว่า 10 หลังเก็บไข่บินไปเก็บไข่ประเทศนึง คนไข้ไม่รู้เรื่องเลย เก็บไข่แล้วนอนอยู่คืนนึงบินมาเมืองไทย มาเกิดอาการแทรกซ้อนที่เมืองไทย ตรงนี้อันตรายมาก มาแอดมิตด้วยอาการตัวบวม น้ำท่วมปอด มีน้ำในช่องท้องสูง และมีเลือดหนืด ตรงนี้เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต เป็นภาวะเส้นเลือดอุดตันในร่างกาย ต้องนอนไอซียูหลายวัน โดยแพทย์ประเทศที่เขาบินไป ไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย เก็บไข่ปุ๊บวันรุ่งขึ้นส่งมาประเทศไทยเลย แบบนี้จะเป็นการค้ามนุษย์หรือเปล่า และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิต
ส่วนที่มีการกระตุ้นไข่ทำเด็กหลอดแก้ว ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และต้องมีกระบวนการติดตามดูแล ไม่ให้ไข่ปริมาณมากเกินไป แต่กรณีคุณ เอ บี ซี ดี เข้าใจว่าถูกจับฉีดยากระตุ้นไข่ให้มากที่สุด ซึ่งไข่ที่เกิดจากการกระตุ้นปริมาณมากมันไม่ได้ดีทุกใบ พอทำอิ๊กซี่ 60 เปอร์เซ็นต์เก่งแล้วเป็นตัวอ่อนปกติหรือเปล่า ครึ่งนึงก็เก่งแล้ว อยากเรียนว่าสิ่งที่ทำมันผิดหมดเลย และจะทำยังไงให้กระบวนการนี้ยุติลง สตรีไทยไม่ตกเป็นเครื่องมือ และปลอดภัยในชีวิต เรายังไม่ทราบเลยว่าคนที่มีไข่มา มีกรรมพันธุ์อย่างไร มีโรคประจำตัวครอบครัวกรรมพันธุ์อะไรบ้าง อยู่ๆ เอาไข่มาแบบนี้ ต้องคำนึงด้วยว่าเอาไข่มาจากไหน น้ำเชื้อของใคร ไม่ใช่จะเอามาปฏิสนธิเหมือนสัตว์โลกคงไม่ได้ บางครอบครัวอาจมีโรคประจำตัวที่เป็นกรรมพันธุ์ ค่อนข้างอันตราย ค่อนข้างเสี่ยง
ปวีณา : ตอนนั้นเป็นแม่อุ้มบุญ ผู้หญิงไทยถูกชวนไปอุ้มบุญ วันนึงมีผู้หญิงคนนึงมาขอความช่วยเหลือ เขาอุ้มท้องแล้วไม่อยากให้เด็กคนนี้กับคนจีน เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล มีชายฉกรรจ์ตามล่าตลอด มีหญิงจีนมาที่มูลนิธิ ขอให้ผู้หญิงคนนั้นคลอดเด็กให้เขา เขาจะเอากลับประเทศจีน ลูกชายเขาที่เป็นคนจีน เป็นโรคเลือด ต้องการเอาเด็กคนนี้มาเป็นอะไหล่ เพื่อเอาเลือดจากเด็กคนนี้ถ่ายให้ลูกเขา ซึ่งเราให้เขาไม่ได้หรอก สุดท้ายเราไม่ให้ไป ทำเหมือนไม่ใช่มนุษย์
เขาจะส่งไข่ไปประเทศอะไร?
บี : ประเทศจีนค่ะ คนที่พาไปหาหมอเขาบอกว่าถ้าไข่ได้ขายออกไปเป็นคนจีนมาเซ็นรับ
ปวีณา : อันนี้เราไม่แน่ใจ อยากให้รัฐบาลจีนเข้ามาตรวจเส้นทางการค้ามนุษย์ในจอร์เจีย ประเทศที่สามที่ไปคือประเทศอะไร เราเชื่อมั่นศักยภาพจีน ถ้าค้ามนุษย์เขาไม่เอาไว้หรอก เขาประหารหมด ถ้าเกิดขึ้นจริงในประเทศจีน ก็อยากฝากด้วย ให้ดูเส้นทางการค้ามนุษย์ด้วยว่าจะไปประเทศไหนกันแน่