UN เตือน “กวาดล้างชาติพันธุ์” – บีบีซี รายงานวันที่ 6 ก.พ. ว่า องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงเตือนถึง “การกวาดล้างชาติพันธุ์ทุกรูปแบบ” หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนว่าจะยึดครองฉนวนกาซ่า อพยพชาวปาเลสไตน์กว่า 2.1 ล้านคนไปยังดินแดนอื่น และสร้างพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแดนสวรรค์แห่งตะวันออกกลาง
ภายหลังหารือกับ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ระหว่างเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งนายเนทันยาฮูกล่าวว่าข้อเสนอของนายทรัมป์อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์และคุ้มค่าที่จะให้ความสนใจ
นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมที่นครนิวยอร์กว่า กาซ่าเป็นส่วนสำคัญของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต สิทธิของชาวปาเลสไตน์ที่จะใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ในดินแดนของตนเองนั้นยิ่งยากที่จะเป็นไปได้ โลกได้เห็นการดูหมิ่นเหยียดหยามและการทำให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นปีศาจอย่างเป็นระบบและน่าสะพรึงกลัว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกล่าวว่าชาวปาเลสไตน์จะไม่ย้ายออกจากดินแดนของตน และจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลเป็นปกติหากไม่มีการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ ขณะที่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอของนายทรัมป์
“เราจะไม่ยอมให้สิทธิของประชาชนของเราถูกละเมิด” นายอับบาสย้ำพร้อมเตือนว่าฉนวนกาซ่าเป็นส่วนสำคัญของรัฐปาเลสไตน์ และการบังคับให้ประชาชนอพยพออกไปถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ขณะที่กลุ่มฮามาสแถลงเพิ่มเติมว่าแผนของนายทรัมป์จะ “เติมน้ำมันลงบนไฟ” ในตะวันออกกลาง แนวคิดของผู้นำสหรัฐยังถูกปฏิเสธอย่างชัดเจนจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมถึงจอร์แดน อียิปต์ และอีกหลายชาติพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน น.ส.แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว พยายามชี้แจงข้อเสนอดังกล่าวว่านายทรัมป์ให้คำมั่นที่จะสร้างกาซ่าขึ้นใหม่และย้ายผู้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว ขัดแย้งกับถ้อยแถลงของนายทรัมป์ที่กล่าวว่าการอพยพชาวปาเลสไตน์จะเป็นแบบถาวร นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้คำมั่นที่จะส่งทหารอเมริกันไปยังกาซ่า