วาระใหญ่การเมืองแท้ ๆ ถัดจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) คือการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ทั้งฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาชนเตรียมพร้อมกับศึกครั้งนี้ กาปฏิทินไว้แล้ว โดยคาดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดช่วงปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน ก่อนปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยพรรคฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอกตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 151 ที่บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 (50 คน) ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2568 ฝ่ายค้านเริ่มเผยโจทย์ซักฟอกออกมาเป็น “ทีเซอร์” ให้ฝ่ายรัฐบาลเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
โดยเป็นการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ฝ่ายค้าน กาชื่อรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลไว้เรียบร้อย
มีทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา
กระทรวงที่อยู่ในข่ายถูกซักฟอก อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม
ส่วนประเด็นที่คาดว่าฝ่ายค้านจะใช้เป็นประเด็นซักฟอก ซึ่งมีการเอ่ยถึงก่อนหน้าบนหน้ากระดานการเมืองก่อนหน้านี้
เช่น นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต, ประเด็นชั้น 14, การรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน, ปัญหาคอลเซ็นเตอร์, สถานบันเทิงครบวงจร, หมูเถื่อน, ที่ดินเขากระโดง ฯลฯ
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล จึงสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนเตรียมความพร้อม ทั้งการตอบคำถามและการเตรียมข้อมูล เพื่อรับมือกับการซักฟอกครั้งนี้
พร้อมกับการเก็งข้อสอบ เรื่องที่จะมีแน่ ๆ อย่างเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนข้ามชายแดน ส่งผลสะเทือนกลับมายังประชาชนคนไทย
เตรียมข้อมูลชี้แจงเรื่องนโยบายเรือธง อย่าง นโยบายดิจิทัลวอลเลต เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมี “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค คอยเป็นตัวกลางประสานข้อมูล
แกนนำฝ่ายรัฐบาลมองในแง่ดีว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ไม่น่ากลัว เป็นแค่การซักฟอกประจำฤดูกาล แต่รัฐบาลไม่ประมาทจึงเตรียมข้อมูลไว้ตอบโต้
ส่วนพรรคภูมิใจไทย พรรคแกนนำอันดับสองในรัฐบาล ไม่หวั่นหากถูกอภิปราย “กรวีร์ ปริศนานันทกุล” สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคยังไม่มีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แต่คิดว่าไม่น่ากังวล และพร้อมตอบฝ่ายค้าน เพราะหลายประเด็นรู้อยู่แล้วว่าจะมีการอภิปราย
“เช่น กรณีเขากระโดง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคตอบได้หมด เพราะไม่มีประเด็นทุจริตคอร์รัปชั่น หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ”
ด้านฝ่ายค้าน แม้ว่าร่างเดิมของพรรคประชาชน คือพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ ฝากฝีไม้ลายมือจากศึกซักฟอกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดประเด็นระดับแผ่นดินไหว ทั้งกรณีเปิดขบวนการไอโอ เขากระโดง ไปจนถึงตั๋วช้าง
แต่ในยุคที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนยังไม่มีโอกาสเปิดศึกซักฟอกแม้แต่ครั้งเดียว
ก็เพราะในรอบ 1 ปีกว่า ต้องมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ จากนายกฯเศรษฐา ทวีสิน มาถึงนายกฯแพทองธาร ชินวัตร เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
เวทีซักฟอก จึงเป็นเวทีโชว์ผลงานของพรรคประชาชน ในการเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสามารถทำได้ปีปฏิทินละ 1 ครั้งเท่านั้น และต้องทำก่อนปิดสมัยประชุมสภา
“ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะนี้พรรคมีการเตรียมผู้อภิปรายเอาไว้แล้ว และแต่ละสัปดาห์มีการนัดผู้อภิปรายมาอัพเดตความคืบหน้า
รวมถึงการเตรียมสคริปต์ที่จะอภิปราย โดยพรรคมีการลิสต์เรื่องอภิปรายไว้ประมาณเกือบ 30 เรื่อง แต่ต้องมีการคัดออกอีกครั้งเพื่อดูให้เหมาะสมในเรื่องของเวลา
ขณะที่ประเด็นชั้น 14 ที่โยงไปถึงผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาล “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล” สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล เป็นเรื่องพฤติการณ์ที่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมหรือไม่ และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อผู้ใด
ถ้าเป็นการกระทำของรัฐบาลที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมก็จะไม่มีข้อยกเว้น และจะเป็นการอภิปรายทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาชนเองก็กระจายทุกเรื่อง ไม่ได้เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากเห็นว่ารัฐบาลบกพร่องก็จะมีการพิจารณานำมาอภิปราย
ส่วนถ้ามีประเด็นทุจริตจะไปยื่นองค์กรอิสระหลังการอภิปรายหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกัน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่
ด้าน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” รองหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งเคยเปิดตัวด้วยการอภิปรายประเด็นไอโอในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทหาร แต่ “วิโรจน์” ขอพุ่งเป้าอภิปรายไปยังกระทรวงคมนาคม
“ขณะนี้มีข้อมูลครบทุกอย่างแล้ว เหลือแค่เรียบเรียงข้อมูลให้เป็นระบบในการอภิปรายเท่านั้น”
“ก็ให้ปักธงเลยนะว่า อย่าคิดว่านามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ แล้วจะรอด แล้วจะไม่โดน แต่จะโดนหนักกว่าใครด้วย ทำอะไรไว้รู้อยู่แก่ใจ ไม่ใช่คิดว่านามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจแล้วจะปลอดภัย”
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ฝ่ายค้านหน้าใหม่ หลังจากถูก “เขี่ย” จากการร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าจะเต็มที่กับการทำหน้าที่
ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมเต็มที่ทุกประเด็น มั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศและสังคม
ขณะนี้ทีมงานมีการประชุม ขับเคลื่อน ซักซ้อมกันทุกสัปดาห์
ทั้งประเด็นหลักและประเด็นรองยืนยันว่ามีความพร้อม 100% ไม่มีออมมือ ค้านเต็มกำลัง
ประเด็นหลักของพรรคพลังประชารัฐที่เสนอต่อที่ประชุมพรรคฝ่ายค้าน คือนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่ง “ไพบูลย์” บอกว่าจะเป็นประเด็นหลัก
ด้าน “ชัยมงคล ไชยรบ” สส.สกลนคร เขต 5 ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า เราต้องร่วมกันคัดค้านและต่อต้านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการกล่าวอ้างเป็นฉาก
แต่ลึก ๆ แล้วมีวัตถุประสงค์เพื่อบ่อนกาสิโน ซึ่งถือว่าการพนันเป็นการมอมเมาประชาชน
“รัฐบาลชุดนี้บอกกับประชาชนว่าจะทำซอฟต์พาวเวอร์ แต่สุดท้ายก็มาลงที่บ่อนกาสิโน เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วย และถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ”
“ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ บนจุดยืนที่ชัดเจน นำโดย พล.อ.ประวิตร และคณะกรรมการบริหารพรรค มีความเห็นสอดคล้องต้องกัน”
อีกไม่นานการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะกลายเป็นวาระเดือดทางการเมือง