พรรคอนุรักษนิยมคว้าชัยเลือกตั้งเยอรมนี จับตาตั้งรบ. หลังประกาศไม่จับมือพรรคเบอร์ 2
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พรรคอนุรักษนิยม (CDU) คว้าชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนี โดยได้รับคะแนนไป 28.5% จากคะแนนเลือกตั้งทั้งหมด ส่งผลให้นายฟรีดริช แมร์ซ วัย 69 ปี หัวหน้าพรรค จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป ในขณะที่พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแนวคิดขวาจัด ได้รับคะแนนมากที่สุดมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 20.5% ถือเป็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ดี หลังทราบผลคะแนนเบื้องต้น แมร์ซประกาศว่า เขาจะไม่ทำงานร่วมกับพรรคที่ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนพรรคพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD) ของนายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนปัจจุบัน ได้รับคะแนนไปเพียงแค่ 16.5% ซึ่งเป็นผลคะแนนที่แย่ที่สุดของพรรคนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เอ็กซิตโพลชี้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้เสียงมากถึง 83% โดยตัวเลขนี้เป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ก่อนการรวมชาติในปี 1990 อีกทั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพศชายมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนพรรคขวาจัด เทียบกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพศหญิงที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองฝ่ายซ้ายมากกว่า
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ แมร์ซเคยกล่าวระหว่างการอภิปรายโต๊ะกลมว่า ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของยุโรปให้ได้เร็วที่สุด เพราะนั่นจะทำให้ยุโรปเป็นอิสระจากสหรัฐแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกล่าวเพิ่มโดยอ้างถึงสหรัฐและรัสเซียว่า เยอรมนีกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสองฝ่าย นโยบายที่สำคัญที่สุดของตนคือการทำให้ยุโรปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สำหรับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เขากล่าวว่า เป็นที่แน่ชัดว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตของยุโรป ต้องพิจารณาดูว่านาโตจะยังคงอยู่ในลักษณะเดิม หรือจะสร้างยุโรปที่มีความสามารถในการป้องกันตนเองและเป็นอิสระให้ได้อย่างรวดเร็ว
แมร์ซระบุอีกว่า เยอรมนีต้องลดการพึ่งพาในด้านนิวเคลียร์กับสหรัฐ และตนต้องการที่จะหารือกับฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรในเรื่องการขยายความร่วมมือเรื่องการป้องกันนิวเคลียร์ด้วย