หมายเหตุ – นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เครือมติชน-ข่าวสด ถึงที่มาแนวคิดโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งอีกเมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญคือโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะทำให้ไทยเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย
⦁โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เริ่มต้นในรัฐบาลเศรษฐา ที่มาของแนวคิดนี้คืออะไร
ความจริงมีแนวคิดนี้มาหลายรัฐบาลแล้ว เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจสีเทามีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็เคยมีดําริว่า เราจะทําอย่างไรที่จะเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดินได้ จัดระบบระเบียบให้ถูกต้อง เก็บภาษีให้เหมาะสม ซึ่งเป็นแนวคิดมาหลายรัฐบาล แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตอนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับผม เป็นแคนดิเดตนายกฯ เรามีการพูดคุยในวงเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ว่าเรื่องการเอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนดิน มันเป็นเรื่องที่เราต้องทํา ถือเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ต้องให้มีความโปร่งใส ไม่ใช่ว่ามีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้ผลประโยชน์จากการที่เอาที่ดินของเขามาทํา หลักการแรก คือ ตอนที่ผมเป็นนายกฯเราคิดว่าเราจะเอาที่ของรัฐบาล เช่น ท่าเรือคลองเตย ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐบาล ไม่ได้มีเอกชนรายใดรายหนึ่งที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งที่ดินแถวนั้นมีประมาณ 3,000 ไร่ และก็อาจจะมีภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีกี่ที่ ต้องคอยทางรัฐบาลตัดสินออกมา
แต่เรื่องของเมกะโปรเจ็กต์เป็นเรื่องที่สําคัญ ในหลักการที่เราคิด คือ ถ้าจะมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีครบวงจรจริงๆ และมีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยควรจะมีพื้นที่ทํากาสิโนประมาณแค่ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นอะไรก็คงแล้วแต่ทําเลที่ตั้ง เช่น ถ้าเป็นที่ภูเก็ตก็อาจจะมีท่าเรือ ถ้าเป็นกรุงเทพฯก็อาจจะมีพิพิธภัณฑ์ อาจจะมีอินดอร์สเตเดียม อาจจะมี man made สกีรีสอร์ต เหมือนที่ดูไบ มีโรงแรม สํานักงาน ตรงนี้เป็นการที่เราจะสร้าง infrastructure ขึ้นมา เพื่อให้ประเทศได้รับผลตอบรับที่ดีที่สุด
ถ้าเราสามารถระบุไว้ในทีโออาร์ที่จะให้คนมาลงทุนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ ว่าคนที่มาลงทุนตรงนี้จะต้องทําอะไรบ้าง ต้องมีโรงแรม ต้องมีโรงละคร ต้องมีอินดอร์สเตเดียม ต้องมีสํานักงาน มันจะเป็นการสร้างงาน สร้าง infrastructure project ขึ้นมา เพื่อจะรองรับภาคส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ปัจจุบันนี้เมืองไทย ขนาดเราไม่มีสเตเดียมที่เป็นเวิลด์คลาส แต่ก็ยังมีอีเวนต์ใหญ่ๆ บ้างก็แสดงว่าเมืองไทยยังมีเสน่ห์ แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเรามีสเตเดียมที่เป็นอินดอร์ หลังคาเปิด-ปิดได้ พื้นสามารถหมุนเข้าหมุนออกเป็นหญ้าหรือเป็นเวทีได้ และสามารถดึงดูดอีเวนต์ต่างๆ ให้เข้ามา ก็จะเป็นรายได้ที่สําคัญของประเทศ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ และรัฐบาลนี้ก็ยังให้ความสําคัญต่อเนื่อง สำหรับการจัดเวิลด์คลาสอีเวนต์ เอาคอนเสิร์ตใหญ่ๆ เข้ามา และดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาด้วย แต่ถ้าเราไม่มีสถานที่จัด มันก็ลําบาก
สำหรับเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร สมัยก่อนจะมีลาสเวกัสและมาเก๊า ในส่วนของลาสเวกัส คนมองว่าเป็นแค่กาสิโน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรที่คนไม่เล่นการพนันไปเยอะกว่าคนเล่นการพนัน แต่ละโรงแรมใหญ่ๆ มีโชว์ระดับโลก เช่น โรงแรมเบลลาจิโอ สร้างโรงละครขึ้นมา เพื่อจะเล่นโชว์กายกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งมีมา 25 ปีแล้ว สมัยก่อนค่าดู 100 เหรียญ วันนี้ขึ้นเป็น 300 เหรียญ ที่นั่งมีเกือบ 2,000 ที่นั่ง ค่าลงทุนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว 30 กว่าล้านเหรียญ เดี๋ยวนี้ปีหนึ่งได้รายได้ 7-9 ล้านเหรียญ ซึ่งมันคุ้มทุนไปแล้ว โชว์ไปดูวันนี้ หรือดูเมื่อ 25 ปีที่แล้วก็โชว์เดิมๆ แต่มีความแปลกใหม่ คือ เวทีเป็นพื้นธรรมดา แต่เปลี่ยนเป็นสระน้ำได้ ซึ่งลงทุนสูง แต่เพราะเป็นโชว์ที่ได้รับการยอมรับที่สูงมาก 25 ปีผ่านไปก็ยังมีคนไปดูอยู่ ยังทำเงินได้อยู่ คนที่เดินทางไปดูโชว์เหล่านี้โดยเฉพาะมีหลายหมื่นคน ฉะนั้น จึงไม่อยากให้โฟกัสแค่กาสิโน แต่อยากให้โฟกัส Man-Made Destination (แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น) ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน
แน่นอนจํานวนนักท่องเที่ยวก็มีความสําคัญ แต่การใช้จ่ายต่อบุคคลก็มีความสําคัญ ระยะเวลาในการอยู่ก็มีความสําคัญ คนไปอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เขาไปครั้งหนึ่งอยู่กัน 7-10 วัน แต่คนมาเมืองไทย เฉลี่ยช่วงเวลาพำนัก ประมาณ 2 วันครึ่ง 3 วันเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ยาวพอ ถ้าเราเอาแค่ 35.5 ล้านคน เพิ่มระยะเวลาที่เขาอยู่ จาก 3 วัน เป็น 7 วัน ผมคิดว่ารายได้เข้าประเทศอีกมโหฬาร และมันก็ไม่เป็นภาระที่เราต้องขยายสนามบินให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาและอยู่นานขึ้น จับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น แน่นอน โบราณสถานต่างๆ สตรีทฟู้ด ภูเก็ต พัทยา เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่ถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย มีเวิลด์คลาสอีเวนต์ มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ มีการสร้างสกีรีสอร์ตใหม่ นักท่องเที่ยวก็จะอยู่นานขึ้น อยากให้เราโฟกัสตรงนี้ด้วย เราไม่ทําแค่กาสิโนอย่างเดียว เราทําอย่างอื่นด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่เราพูดน้อย คือ เรื่องของปัญหาสังคมที่จะเกิดตามมา การที่เรามีกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายจะเป็นการมอมเมาหรือเปล่า ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าเราพูดน้อยเกินไป มาตรการที่เราจะมาดูแล หรือกฎกติกาที่จะให้คนไทยเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินฝาก เรื่องค่าเข้า เรื่องการมอมเมา เรื่องการตรวจเช็กว่าเข้ามาบ่อยขนาดไหน ครอบครัวเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มีการมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดหรือเปล่า ซึ่งผมเชื่อว่ากําลังมีการร่างมาตรการอยู่ ซึ่งเราต้องพูดตรงนี้ให้เยอะขึ้น เพื่อให้สังคมมีความสบายใจ
ภาษีที่เราจะเก็บได้ มันเป็นผลพลอยได้ที่จะตามมา ปัญหาสังคมลดน้อยลง ทั้งเรื่องอาชญากรรม เรื่องมาเฟียต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่เข้าใจที่บอกว่า ถ้ามีบ่อนที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มีสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว จะมีทุนจีนสีเทาเข้ามาเยอะ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเข้ามาได้อย่างไร ถ้าเราทําเป็นเสรีจริงๆ มีการประมูลที่ถูกต้อง มีการให้บริษัทใหญ่ๆ ที่อยากจะมาลงทุน ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง มีสถานภาพทางด้านการเงินที่แข็งแกร่ง ตรวจสอบได้ เชื่อว่าคนเล่นก็จะให้ความไว้วางใจมากขึ้น ควบคู่กับกฎที่เราจะออกมาควบคุมเรื่องพฤติกรรม เรื่องของการดูแลสังคม หลายคนกังวลเรื่องทุนจีนสีเทา เรื่องการฟอกเงิน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย ปัจจุบันนี้มันมีการฟอกเงินอยู่แล้วผ่านบ่อนที่อยู่ใต้ดิน ถ้าเราเอาขึ้นมามันก็จะควบคุมได้ น้อยลงหรือหายไป
⦁แสดงว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คือเมกะโปรเจ็กต์เพื่อปลุกเศรษฐกิจ
โครงการเมกะโปรเจ็กต์ เราไม่ได้ทําเลยตั้งแต่การสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ นี่เป็นโอกาสทองที่เราจะให้คนเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุนเอง ซึ่งประเทศไทยมีครบ ทั้งภูเขา มีทะเลที่สวยงาม มีสตรีทฟู้ดอร่อย ค่าครองชีพต่างๆ ก็ถูก ซึ่งคนอยากมาเที่ยว และถ้าเรามีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีระบบการดูแลที่ถูกต้อง เชื่อว่าหาคนชนะประเทศไทยยาก
เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นการเปลี่ยนเกมทางเศรษฐกิจ สร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวใหม่ให้กับเรา เป็นการกําจัดหรือลดทอนเรื่องธุรกิจสีเทาลงไปเยอะมาก วันนี้ถ้าคุณจะไปจังหวัดต่างๆ บางสนามบินมีแต่ไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ รันเวย์ไม่พอสําหรับเครื่องบินบางไฟลต์ที่จะลงได้ ซึ่งการท่องเที่ยวจะต้องทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น อย่าลืมว่าการท่องเที่ยวเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีแล้ว หมายความว่าคนยังสนใจ ดึงดูดได้อยู่ ซึ่งต้องเสริมให้ดียิ่งขึ้น และจะทําให้เราต้องพึ่งเรื่องการส่งออกน้อยลง ซึ่งเรื่องความเปราะบางทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นเรื่องหนึ่งที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกําแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราต้องหาเรื่องอื่นมาบาลานซ์ ทําให้จีดีพีของเราแข็งแกร่งขึ้น เมื่อมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้ว คิดว่านักท่องเที่ยวคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการพัฒนา infrastructure ทั้งหมดด้วย ขึ้นอยู่กับจำนวนสายการบินด้วย เช่น หนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลของผมจัดการขึ้นมา เรื่องการอัพเกรดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวบูมขึ้นมาได้
⦁นอกจากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยุคนี้ยังมีเมกะโปรเจ็กต์อื่นอีกหรือไม่
โครงการแลนด์บริดจ์เป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญ เรื่องแลนด์บริดจ์ ตอนที่ผมดํารงตําแหน่งนายกฯ มีการพูดคุยกับนักลงทุนหลายราย ฉะนั้น เชื่อว่ารัฐบาลเดินหน้าได้เต็มที่อย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าการค้าโลกมีความสําคัญมาก มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหาของภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจุบันถ้าพูดถึงช่องทางในการขนถ่ายสินค้า ช่องแคบมะละกาที่ผ่านสิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นช่องแคบที่สําคัญมาก มีเรือขนถ่ายสินค้าที่เข้าคิวเข้าช่องแคบมะละกาเยอะมาก ฉะนั้น การที่เราจะสร้างแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย มีผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจชัดเจน คิดว่าคุ้ม ไม่งั้นคนคงไม่ขอลงทุนแน่นอน
จุดยืนทางด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทย คือ มีความเป็นกลาง เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ ทุกคนมีความสบายใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เราให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ประเทศ ไม่ได้ฝักใฝ่หรือลําเอียงเข้าข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง เรามีมาตรการทางด้านภาษี มีโรงเรียนนานาชาติที่ดี มีโรงพยาบาลที่ให้บริการกับนักลงทุนต่างประเทศที่เหมาะสม มีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่รองรับการส่งออกได้อย่างดี ถ้าเรามีแลนด์บริดจ์ที่เชื่อมและลดค่าใช้จ่ายในการที่จะขนถ่ายสินค้าไปทั่วโลกได้ ก็จะเชื้อเชิญนักลงทุนมาได้ด้วย
การที่เรามีเมกะโปรเจ็กต์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งควบคุมโดยคนไทย ควบคุมโดยรัฐบาลไทย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มันจะเป็นเครื่องมือในการปกป้องประเทศไทยด้วย เราจะกลายเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชีย เช่น ถ้ามีการทะเลาะกันเกิดขึ้น จีนสบายใจว่าเราจะไม่เข้าข้างสหรัฐ สินค้าจีนจะไปทั่วโลกได้ สหรัฐก็สบายใจว่าสินค้าของสหรัฐก็จะมาได้ มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และทําให้เราแข็งแกร่ง ผมคิดว่าหลายอย่างเราได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านเยอะ เวลานักลงทุนจะเข้ามาต้องมาอยู่ในประเทศไทยด้วย เขาไม่ได้เอาเงินมาลงทุนอย่างเดียว ซึ่งเวลาเขาเข้ามา เขามีครอบครัวมาอยู่ด้วย อย่างแรกที่เขาดู คือ เรื่องโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติเยอะ ซึ่งเขาดูเรื่องนี้อย่างละเอียด เวลาบริษัทจะมาลงทุนประเทศไทย เขาไม่ได้ดูแค่มาตรการทางด้านภาษี ไม่ได้ดูแค่ว่าเรามีท่าเรือหรือมีแลนด์บริดจ์ เขาดูความเป็นอยู่ที่เขาจะต้องดูแลพนักงานของเขาด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล เรื่องค่าครองชีพที่เหมาะสม เรื่องของโลจิสติกส์ฮับ เรามีสนามบินระดับท็อป 20 ของโลก ซึ่งมีความสะดวกสบายในการเดินทาง
ผมเชื่อว่าสงครามปัจจุบันนี้ที่มันหนักหนากว่า คือสงครามการค้า การที่เราสร้าง infrastructure mega project ระดับโลกขึ้นมาในแลนด์บริดจ์ ทําให้เราเป็นตัวเลือกที่สําคัญที่คนอยากเป็นมิตรกับเรา และไม่อยากให้เราถูกทําร้าย เพราะการที่เขาต้องพึ่งเมกะโปรเจ็กต์เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องที่สําคัญ ถ้าเกิดเรามีความเป็นกลาง เรามีความเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของเอเชียได้ ทุกคนก็อยากจะมาใช้บริการ และไม่อยากให้ประเทศไทยต้องถูกเป็นเป้าในการโจมตีของประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะบริษัทต่างๆ ที่มาตั้งโรงงานที่นี่หรือต้องการใช้ทางผ่านตรงนี้ ถือว่ามีความสําคัญกับเศรษฐกิจของเขา ฉะนั้น
นี่ถือเป็นยุทธศาสตร์สําคัญที่จะพัฒนาประเทศของเราให้เข้าไปอยู่ในเวทีโลก โดยที่เรามีบทบาทสําคัญ สามารถยืนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นที่หมายปองในการลงทุนของหลายๆ ประเทศ