เก่าแก่สุดในไทย กรมศิลปากร พบโครงกระดูกมนุษย์ยุคน้ำแข็ง อายุกว่า 29,000 ปี ที่แหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันแถลงข่าว การพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคน้ำแข็ง และภาพเขียนสีในแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นข้อมูลใหม่ที่ช่วยให้เรื่องราวของคนก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ในพื้นที่อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2539 ได้มีการพบภาพเขียนสีโบราณเป็นครั้งแรกบริเวณเพิงผาฝั่งบึงบัว จากนั้นในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการค้นพบแหล่งภาพเขียนสีเพิ่มใหม่ในบริเวณเทือกเขาสามร้อยยอดที่ถ้ำโหว่ หุบตาโคตร ซึ่งมีอายุอยู่ในสมัยเดียวกับภาพเขียนสีบนเพิงผาฝั่งบึงบัว ปี พ.ศ. 2563
กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี จึงได้เริ่มดำเนินงานโครงการสำรวจแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศไทย โดยมีพื้นที่สำรวจหลักที่เขาสามร้อยยอดเพื่อศึกษาเรื่องราวของมนุษย์โบราณที่นี่ว่าเป็นคนกลุ่มไหน มีวิถีชีวิตแบบใด โดยดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ผลการสำรวจ ได้พบแหล่งโบราณคดีแหล่งใหม่เพิ่มเติมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จำนวน 7 แหล่ง ซึ่งแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดินเป็นหนึ่งในแหล่งที่มีการค้นพบใหม่ เป็นถ้ำภูเขาหินปูน ขนาดค่อนข้างใหญ่ ตัวถ้ำอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 125 เมตร ปากถ้ำหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ขนาดความกว้างของปากถ้ำประมาณ 9.5 เมตร ภายในถ้ำแบ่งออกได้เป็น 5 คูหา ทุกคูหามีร่องรอยการใช้พื้นที่ของมนุษย์ในอดีต และมี 3 คูหาที่พบภาพเขียนสี
ปีงบประมาณ 2565 จนถึงปัจจุบัน สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ได้ดำเนินงานโครงการขุดค้นศึกษาแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดิน เพื่อศึกษาร่องรอยกิจกรรม วัฒนธรรม พิธีกรรมความเชื่อของคนโบราณที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำดิน และในบริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย โดยเลือกขุดค้นในคูหาที่ 3 ชิดผนังถ้ำ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีการพบทั้งภาพเขียนสีบนผนังและโบราณวัตถุอยู่บนพื้นถ้ำ
ผลการขุดค้นศึกษาทางโบราณคดีพบว่าที่ถ้ำดินมีหลักฐานคนยุคก่อนประวัติศาสตร์เข้ามาใช้พื้นที่หลายช่วงเวลา และยังพบโบราณวัตถุประเภทเปลือกหอย กระดูกสัตว์ และเมล็ดพืชจำนวนมาก และเมื่อขุดค้นจนถึงระดับความลึกประมาณ 2 เมตรจากพื้นถ้ำ ได้พบโครงกระดูกมนุษย์ฝังอยู่จำนวน 1 โครง จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าเป็นโครงกระดูกเด็ก อายุเมื่อตายอยู่ในช่วงประมาณ 6 – 8 ปี (พิจารณาจากการขึ้นของฟันกรามแท้ซี่ที่ 1 ที่ขึ้นแล้ว)
จากการคัดเลือกตัวอย่างถ่าน และเปลือกหอย จำนวน 5 ตัวอย่าง ส่งไปหาค่าอายุด้วยวิธี Accelerator Mass Spectrometer (AMS) ณ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ BETA ANALYTIC Inc. สหรัฐอเมริกา ผลการกำหนดอายุทำให้ทราบว่าที่ถ้ำดินนี้มีคนเข้ามาอยู่อาศัยและใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ประมาณ 29,000 ปีขึ้นมาจนถึงประมาณ 11,000 ปี ส่วนโครงกระดูกมนุษย์นั้นมีอายุเก่าแก่กว่าเนื่องจากพบอยู่ในระดับความลึกต่ำลงไปที่ประมาณ 2 เมตร จึงมีอายุไม่ต่ำกว่า 29,000 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจหาค่าอายุที่แท้จริงต่อไป
จากข้อมูลข้างต้น อาจกล่าวได้ว่าแหล่งโบราณคดีภาพเขียนสีถ้ำดินปรากฏหลักฐานร่องรอยการอยู่อาศัยใช้พื้นที่ของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง การคัดเลือกโบราณวัตถุจากบางชั้นดินไปกำหนดอายุ (ไม่ใช่ตัวอย่างจากชั้นดินที่เก่าที่สุด) ค่าอายุที่ได้แสดงถึงความสืบเนื่องของคนที่เข้ามาอยู่อาศัยที่ถ้ำดินตั้งแต่ประมาณ 29,000 ปีที่แล้วเป็นอย่างน้อย และกลุ่มคนที่เขียนภาพเขียนสีอาจเป็นคนก่อนประวัติศาสตร์รุ่นหลังสุดที่เข้ามาใช้พื้นที่เมื่อประมาณ 2,000 – 3,000 ปีที่แล้ว
หลักฐานทางโบราณคดีที่ทับถมอย่างยาวนานในถ้ำดินนั้น แสดงถึงร่องรอยของกลุ่มคนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยหินเก่า (อายุก่อน 12,000 ปี) สืบเนื่องมาจนถึงกลุ่มโหบินเนียน ที่ดำรงชีวิตด้วยการหาพืชป่า ล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร รู้จักการหาอาหารจากสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลาย วิธีปรุงอาหารให้สุกก่อนกิน มีการใช้เครื่องมือหิน เครื่องมือกระดูก และไม้ มาเป็นอุปกรณ์ในการล่าหรือใช้งาน อาศัยอยู่ตามถ้ำหรือเพิงผา เป็นกลุ่มสังคมขนาดเล็ก จากชนิดสัตว์และหอยที่พบยังแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมในสมัยนั้นว่าน่าจะเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทุ่งหญ้า และหนองน้ำ ที่สัตว์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่จำนวนมาก
สำหรับหลักฐานของโครงกระดูกมนุษย์ที่มีอายุมากกว่า 29,000 ปีนั้น นับเป็นโครงกระดูกมนุษย์ปัจจุบัน (Homo sapiens) ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและยังพบอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดด้วย จัดเป็นมนุษย์สมัยหินเก่า (Palaeolithic Period) เทียบได้กับยุคทางธรณีกาลคือ สมัยไพลสโตซีน (ยุคน้ำแข็ง) ตอนปลาย (125,000 – 11,700 ปีที่แล้ว) ซึ่งเป็นช่วงที่มีธารน้ำแข็งปกคลุมพื้นโลกมากกว่าปัจจุบัน ระดับน้ำในทะเลลดต่ำลงกว่าปัจจุบันมาก เป็นช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น ส่งผลให้บริเวณอ่าวไทยเป็นผืนแผ่นดินเชื่อมต่อถึงอินโดนีเซีย
การพบหลักฐานการอยู่อาศัยและการฝังศพของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่อยู่ในช่วงยุคดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นข้อมูลใหม่ที่สำคัญและมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยอธิบายวิถีการดำรงชีวิตและการปรับตัวของมนุษย์ที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมในอดีตตั้งแต่ช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็นจนเข้าสู่ช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเมื่อสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง และระดับน้ำทะเลที่ท่วมสูงขึ้น จนกระทั่งบริเวณนี้มีสภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์และระบบนิเวศน์ที่หลากหลายเช่นในปัจจุบัน
กรมศิลปากรคาดหวังว่าการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในอนาคต จะทำให้ภาพเรื่องราวของคนก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยกระจ่างชัดเจนมากขึ้น และอาจเป็นจิ๊กซอร์ตัวหนึ่งที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับคน สังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมโบราณของคนยุคแรกเริ่มในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้