ส.ว.ตั้งโต๊ะโต้กลับหลัง "ดีเอสไอ" จ่อรับฮั้วเลือกตั้งเป็นคดีพิเศษ 25 ก.พ. มองข้อหาอั้งยี่มิชอบ ใช้อำนาจ 3 ฝ่ายเป็นเครื่องมือล้มล้างนิติบัญญัติ
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.68 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ใประชุมหารือกรณีการฮั้วเลือก ส.ว.ที่อาคารรัฐสภา โดยมี ส.ว.ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. สามัญประจำวุฒิสภา จำนวน 21 คณะ ร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมเป็นการหารือภายในแบบลับ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายมงคล แถลงภายหลังการประชุมว่า สืบเนื่องจากเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ในวันที่ 25 ก.พ.68 เพื่อมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือก สว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษนั้น ตนได้มีการหารือกับท่านรองประธานวุฒิสภา และ ส.ว. จึงขอแถลงข่าวชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ต่อสื่อมวลชนเพิ่มเติม อีกครั้งหนึ่ง ประการที่ 1 แต่เดิม ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร คือ กระทรวงมหาดไทยที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง แต่มีการเอื้อกันและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะฉะนั้น จึงได้มีการแก้ไข ให้จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาหลายองค์กร เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมทั้ง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และได้บัญญัติสืบต่อมาจนกระทั่งถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน รัฐธรรมนูญทุกฉบับได้บัญญัติให้การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มา ซึ่ง ส.ว. โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์หรือความมุ่งหมายไม่ให้ถูกแทรกแซงของฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนใด รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะกรรมการคดีพิเศษ
“เพื่อมิให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการแทรกแซงหรือก้าวก่ายการได้มาและการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น ตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 จึงบัญญัติให้การจัดการเลือกตั้งและการควบคุมการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยเฉพาะ” นายมงคล กล่าว
นายมงคล กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 เมื่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.แล้ว การที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคำร้อง และเตรียมเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ โดยที่ กกต. ยังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว หรือมอบหมายให้ดีเอสไอดำเนินการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจของดีเอสไอ
นายมงคล กล่าวต่อว่า อีกทั้งการตั้งข้อหาอั้งยี่และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 116 กับ ส.ว. ต้องถือว่าเป็นการตั้งข้อหาและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย หรือการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานต่าง ๆ ดังกล่าวแต่อย่างใด หากแต่ สว.ที่ถูกกล่าวหาได้สมัครเข้ารับการเลือกและผ่านกระบวนการเลือกมาอย่างถูกต้อง จนกระทั่งได้รับการรับรองจาก กกต. เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
นายมงคล กล่าวว่า การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงเป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เป็นไปตาม ข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง และเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหาร เป็นเครื่องมือโดยส่อเจตนาที่จะทำลายองค์กรวุฒิสภาด้วยการเผยแพร่ข่าวและเอกสารลับต่าง ๆ อันทำให้วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เพื่อล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ
“เราไม่กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับองค์กร ที่มีอำนาจหน้าที่คือกกต.มาโดยตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำ ก็ไป ทุกคนพร้อมที่จะทำให้กับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงหรือตรวจสอบเรา ฉะนั้นที่ประชุมในวันนี้ได้มีมติร่วมกันคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายมงคล กล่าว
จากนั้นเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม เมื่อถามว่า การที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษนั้น มองว่าเป็นการล้ม สว.ชุดนี้หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เราไม่อยากทราบเจตนารมณ์ของใครได้ แต่พฤติการณ์ต่างๆ ที่ออกมา ทั้งการประโคมข่าว ออกมาให้ข่าว รวมถึงเผยแพร่เอกสารลับนั้น ก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณดูแล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าดีเอสไอได้รับใบสั่งจากใครมาหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เช่นเดียวกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เมื่อถามถึง กรณีที่ดีเอสไอ ระบุ การดำเนินคดีในส่วนนี้ คือส่วนของอาญา ไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. สามารถทำได้หรือไม่ นายบุญส่ง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 อดีต กกต. กล่าวว่า การสืบสวนในเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต. เรื่องการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งในกฎหมายนี้ ก็จะมีกฎหมายอาญาตามมาทีหลัง
เมื่อถามถึงกรณี ดีเอสไอ ระบุ โพยฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. ตรงกันถึง 138 คน จาก 140 คน มีมูลพอที่จะตรวจสอบหรือไม่ คณะ ส.ว.นิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภา จะหันไปทางนายบุญส่ง พยักหน้าให้ตอบคำถาม ซึ่งนายบุญส่ง กล่าวสั้นๆ ว่า เป็นหน้าที่ของ กกต. ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ต่อข้อถามถึง กรณีที่จะมีการยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มีความคืบหน้าอย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราทำตามอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก ส.ว.ทุกคนของเรายอมรับว่าเรามาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบ สว.ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราจึงมีการเตรียมการในการอภิปรายทั่วไป ในเรื่องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เขามีโอกาสมาตอบคำถาม หรือการตั้งกระทู้
เมื่อถามย้ำว่า จะทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่สวว่า ตามไทม์ไลน์แล้ว น่าจะทัน โดยจังหวะนี้ นายอลงกต วรกี ส.ว.ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้พูดแทรกขึ้นมาด้วยว่า ปีหน้ามั้งเมื่อถามว่า
ส่วนจะมีการนำข้อมูลที่ได้ ไปให้ฝ่ายค้าน เพื่อทำการซักฟอกรัฐมนตรีหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่มีสังกัด เราก็ทำของเรา เขาก็ทำของเขา เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งต้องตั้งมั่นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความยุติธรรม เรื่องนี้เราตอบไม่ได้ และเราไม่ได้มีความคิดที่จะทำ
เมื่อถามถึง การโต้ตอบของฝ่ายบริหารและวุฒิสภา จะถูกมองเป็นความขัดแย้งของสามเสาหลัก หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องของการปกป้อง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปกป้อง ย้ำว่า เราไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวมีการโทรล็อบบี้คณะกรรมการคดีพิเศษนั้น นายมงคล กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเข้าสู่กระบวนการใช่หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรายังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อถามถึงการ ระบุ ใช้ข้อหาอั้งยี่ ที่อาจมีกระบวนการฉ้อฉลนั้น ถือว่าใช้คำแรงไปหรือไม่ ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา หัวเราะ จากนั้น นายบุญส่ง กล่าวว่า ความรู้สึกของวิญญูชนเป็นเช่นไร ก็คงดำเนินการตามกฎหมาย