“อนุทิน”แย้มขออีก1สมัยประกาศวางมือการเมือง เปิดทางคนรุ่นใหม่ ไม่หวั่นไหวหลังโดนสารพัดศึกรุมเร้ารอบตัว ปัด “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ซดเกาเหลา สะพัด! “เนวิน-ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์” เคลียร์ใจ ด้าน “วิสุทธิ์” เชื่อนัดคุยเป็นเรื่องดี ไม่มีปัญหาอะไร ปัด “พท.” วางยา“ภท.” ขณะที่ “ภูมิธรรม” เตรียมประชุม กคพ.วันนี้ เคาะรับ “คดีฮั้วเลือกตั้งสว.”ยันทำตามหน้าที่
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีให้สัมภาษณ์พิเศษเรื่องอนาคตทางการเมือง โดยขออีก 1 สมัยจะวางมือว่า “ก็ดูสิ คอย่นหมดแล้ว” พร้อมกล่าวต่อว่า ก็ถึงเวลาแล้ว คนรุ่นใหม่ก็เริ่มเข้ามา เราต้องเปลี่ยนผ่าน และต้องตอบแทนชีวิตตัวเองบ้าง ทำงานมาตั้งแต่อายุ 23 นี่จะ 60 แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าแล้วที่ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่โหวตให้ตอนศึกซักฟอก จะ จุด จุด จุด หมายความว่าอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า หยิกแขน
เมื่อถามย้ำอีกว่าไม่ใช่การถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะก่อนทำท่าเชิดหน้า ร้องหึ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าไม่ตอบคำถามนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ตอบไปแล้วว่าหยิกแขน
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย (พท.) มีปัญหากันตอบโต้กันไปมาในหลายกรณี ว่า ไม่มี มีแต่ผู้สื่อข่าวไปผสมกันทั้งนั้น และในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) จะไปรับประทานอาหารพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าทั้ง 2 พรรคจะมีการเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันเรื่องงาน ต้องรอฟังนายกรัฐมนตรี ว่ามีแนวนโยบายอย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรี บอกว่าถึงเวลาแล้ว ที่แกนนำรัฐบาลจะต้องมาพบกัน เพราะจะมีเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามถึงรายงานข่าวที่ว่าช่วงเย็นวันนี้ (24 ก.พ.) จะมีการพบพูดคุยนอกรอบระหว่างนายอนุทิน , นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ก่อนย้อนถามว่าพบกับใคร เป็นรายงานข่าวที่ไหน พร้อมกับหัวเราะ และส่ายหน้าปฏิเสธ
เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่าเย็นนี้รับนัดใคร นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ทำไมตนต้องบอก เดี๋ยวจะไปเชียงราย ช่วงบ่ายวันนี้
เมื่อถามว่าช่วงนี้เหมือนมีศึกรอบด้านกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ศึกรอบด้านหมายความว่าอย่างไรรัฐบาลเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงานให้บ้านเมือง ไม่ได้มีหน้าที่มาทะเลาะกันอย่างเรื่องสนามกอล์ฟแรนโชชาญวีร์ ของครอบครัวตน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่า มีโฉนดถูกต้อง ได้มาอย่างถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องไปตรวจสอบแหล่งที่มาซึ่งเขามีหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องทำการตรวจสอบ แต่อย่างน้อยพวกตนก็ไม่ได้ขี้โกง ไม่ได้ใช้อิทธิพลใดๆในการออกโฉนด ก็ซื้อโฉนดมา ก็ควรจะต้องจบไป แต่หากตรวจแล้วโฉนดนี้ไม่ถูกต้อง กรมที่ดินก็ต้องเพิกถอน เมื่อเพิกถอนแล้วก็ต้องชดใช้ มันไม่มีเสียเปล่า แล้วค่อยมานั่งหาวิธีต่อสู้ ไม่มีต่อสู้อะไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการเอาคืนหรือไม่ เพราะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎรที่มีนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้เรียกนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาพบ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อมีข่าวอะไรก็ตาม มองว่าการที่เลือกใครเข้าไปชี้แจงอย่างกรณีกมธ.การปกครอง เพราะเริ่มมีความเสียหายกับคนอื่นแล้ว ไม่ใช่แค่มองถึงตนเท่านั้น อย่างที่ตนได้ชี้แจงไว้ว่าในส่วนของครอบครัวตน ไม่ได้คิดจะซื้อขายที่ดินเพื่อเกร็งกำไร แต่เก็บไว้เป็นทรัพย์สินของครอบครัว แต่การเข้าไปตรวจสอบเช่นนั้นเกิดความเสียหายด้านการลงทุน ความมั่นใจของนักลงทุน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ใครที่อยากจะซื้อที่ดินแถวนั้น อยากจะสร้างโครงการ อยากจะสร้างความเจริญ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้นักลงทุนไม่อยากมาลงทุน และหากต้องการไปตรวจสอบความถูกต้อง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปตรวจสอบกับใคร ไม่ว่าจะเป็น สปก หรือ กรมที่ดิน หรือกรมแผนที่ทหาร ก็จะเกิดความสับสน ความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การลงทุนก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะการลงทุนจะเกิดขึ้นเมื่อมีความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศนั้น ของเศรษฐกิจและความแน่นอน แล้วอะไรคือความแน่นอนในการลงทุนเรื่องที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์นั่นคือโฉนด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความไม่แน่นอนเช่นนี้จึงเกิดความเสียหาย กรรมาธิการก็กังวลถึงความเสียหายของเศรษฐกิจโดยรวม มากกว่าความเสียหายของครอบครัวหัวหน้าพรรคแน่นอน ถึงบอกไงว่านักข่าวต้องไม่ไปปูด และ กรรมาธิการ ก็ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นของสมาชิกของทุกพรรคการเมือง
ส่วน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)จะมีการหารือถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร ว่า ไม่มีอะไรที่ต้องหนักอกหนักใจ อยู่ที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหน การประชุมในวันนี้ ก็ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
เมื่อถามว่าปัญหาระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย จะส่งผลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนอาจเกิดการวางยากันหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครวางยาใคร เป็นธรรมดาของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีหลายพรรค อาจจะมีบ้างในบางส่วนที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย แม้แต่พรรคเพื่อไทยเอง ก็ใช่ว่า สส.จะเห็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด สุดท้ายเมื่อมติพรรคเป็นอย่างไร เราก็ทำตามนั้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็มีบางเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่คิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนความคิดเห็นต่างในบางกฎหมาย ก็อาจจะมีบ้าง เป็นเรื่องปกติธรรมดา
เมื่อถามว่าการตรวจสอบพื้นที่บริเวณอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา และแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพราะการหมางใจกัน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ตรวจสอบ ส่วนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ขณะนี้ตนได้ยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ไปแล้ว เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยประธานสภา จะนัดในวันพุธที่ 26 ก.พ.นี้
เมื่อถามว่ามองว่าจะนำไปสู่การแตกหักกันได้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าว ว่าการตรวจสอบพื้นที่ จ. นครราชสีมา ก็ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยที่เป็นคนตรวจสอบ แต่เป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เป็นคนตรวจสอบ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของท่าน จะจริงไม่จริงตนไม่ทราบ คิดว่าก็ตรวจสอบกันไป ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยสั่งให้ไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวนัดพบกันระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นการเคลียร์กันก่อนดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 25 ก.พ.หรือไม่ นายวิสุทธิ์ มองว่า ถ้า 2 คนคุยกัน เจรจากัน ก็เป็นผลบวก เพราะหากไม่คุยกัน ก็จะมีปัญหา การคุยกันเป็นทางออกหนึ่ง เป็นเรื่องที่ดี ดีกว่าไม่คุยกัน เขาคุยกัน ก็ได้ปรับความเข้าใจกัน
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีปัญหาจริงๆ นายทักษิณจึงต้องลงมาคุยเองใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ปัญหา เป็นการหารือกันมากกว่า
เมื่อถามย้ำว่า เสถียรภาพและเสียงโหวตของ รัฐบาล จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า อยู่กันแค่นี้ จะไปทางอื่นไม่ได้ ก็ต้องกอดคอกัน ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันอยู่ ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสที่จะต้องไม่โหวตให้กัน การที่ข่าวออกมาอย่างนั้น แต่ตอนเชื่อว่า อย่างไรก็ต้องไปด้วยกัน ยังทิ้งกันไม่ได้ ส่วน สส. เวลาอยู่ในสภา เราก็คุยกัน กินข้าวด้วยกัน เป็นปกติที่จะมีความเห็นแตกต่าง เป็นแบบนี้ ลุ่มๆดอนๆ ทะเลาะกันบ้าง แม้แต่คนในครอบครัว บางวันก็ดีกัน บางวันก็ไม่ดีกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันนี้ ได้มีการนัดหมายระหว่างนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ ในเวลา 18.00 น.
ขณะที่ในช่วงเวลา เวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการ ปิดงานเสวนาในงาน Global Soft Power Talk : The New Rules of Soft Power ณ สตูดิโอ 4 อาคารศูนย์ปฏิบัติการแพร่ภาพออกอากาศฯ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) กล่าวถึงการพิจารณารับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ โดยได้รับแจ้งว่าจะมีการประชุมในประเด็นนี้ ซึ่งมีข้อมูลต่างๆ ที่อยากประชุมเพื่อให้เข้าใจปัญหาและตัดสินใจ ซึ่งตนในฐานะประธานคณะกรรมการฯ จึงได้เรียกประชุม เนื่องจากเห็นว่ามีข้อมูลและมีความชัดเจนหลายอย่าง ก็คิดว่าดี แต่หากไม่มีข้อมูลก็ไม่สามารถที่จะพูดหรือทำร้ายอะไรได้ และตนได้มีการเสนอแล้วว่างานนี้เราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองมากลั่นแกล้งกัน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เป็นไปตามข้อเท็จจริง ก็น่าจะไม่มีปัญหาอื่นมาก เพราะเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีเรื่องเข้ามาก็ดำเนินการ
“ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการยื่นเรื่องมาว่าเรื่องแบบนี้ต้องเป็นคดีพิเศษ ซึ่งในทัศนะของ DSI ออกเรื่องมาดูแล้วก็มีเหตุมีผล เมื่อเขาเสนอเราก็ต้องบรรจุที่ประชุม” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าหากรับคดีไปแล้วจะกลายเป็นชนวนเหตุ เพราะ สว. ที่ได้รับเลือกไปแล้วก็ตั้งแง่ว่าเป็นเรื่องการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ตนยืนยันในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ก็เรียกประชุมไปตามข้อเสนอที่มีเหตุและผล เพราะเขาเห็นว่ามีปัญหา เราก็ต้องรับอยู่แล้วในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการฯ เมื่อมีคนมาเสนอว่ามีปัญหาในทางกฎหมาย เราไม่เรียกก็คงไม่ได้ แต่ยืนยันว่า เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ถ้าไม่ชัดเจน ไม่ถึง ก็คงรับเป็นคดีพิเศษไม่ได้ แต่ถ้ามันชัดเจน ก็ไม่มีสิทธิ์ไปปกป้องอะไร เพราะเป็นไปตามกระบวนการ และไม่ได้จบแค่นี้ มันยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนพยาน และการได้เป็นคดีพิเศษต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการคดีพิเศษ
เมื่อถามว่าจะต้องมีการเคลียร์ใจกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนพูดหลายครั้งแล้วว่าตนไม่ได้มีหน้าที่เคลียร์ใจ แต่มีหน้าที่ทำให้เป็นไปตามกระบวนการ ในเมื่อเราเรียกร้องว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเรามีปัญหา พอมีคนคิดขึ้นมา 1-2 คน เราต้องทำอย่างเต็มที่ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการได้กับทุกภาคส่วน
เมื่อถามจะต้องมีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุสั้นๆว่า ก็ได้พูดคุยกันบ้าง ขอบคุณครับ ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป
สำหรับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 25 ก.พ.2568 ให้เวลา 13.30 น. ที่ กระทรวงยุติธรรม
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดยนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ได้ประชุมหารือกรณีการฮั้วเลือก สว.ปี 2567 โดยมี สว.ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา จำนวน 21 คณะ ร่วมประชุมด้วย ซึ่งการประชุมเป็นการหารือภายในปิดห้องประชุมลับ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพหรือติดตามการประชุม บรรยากาศภายนอกห้องประชุมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวดแตกต่างจากทุกครั้ง
จากนั้นเวลา 10.10 น.ภายหลังการประชุม โดยนายมงคล แถลงว่า “เราไม่กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คือกกต.มาโดยตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำ ก็ไป ทุกคนพร้อมที่จะทำให้กับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงหรือตรวจสอบเรา ฉะนั้น ที่ประชุมในวันนี้ได้มีมติร่วมกันคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายมงคล กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีดีเอสไอ ระบุ โพยฮั้วเลือกตั้ง สว. ตรงกันถึง 138 คน จาก 140 คน มีมูลพอที่จะตรวจสอบหรือไม่ คณะ สว.นิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะหันไปทาง นายบุญส่ง พยักหน้าให้ตอบคำถาม ซึ่งนายบุญส่ง จะย้ำสั้นๆ ว่า "เป็นหน้าที่ของ กกต. ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ"
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม มีความคืบหน้าอย่างไร พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว.ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก สว.ทุกคนของเรายอมรับว่าเรามาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบ สว.ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราจึงมีการเตรียมการในการอภิปรายทั่วไป ในเรื่องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เขามีโอกาสมาตอบคำถาม หรือการตั้งกระทู้
เมื่อถามว่าจะทันในสมัยประชุมนี้หรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่าตามไทม์ไลน์แล้ว น่าจะทัน โดยจังหวะนี้ นายอลงกต วรกี สว.ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ได้พูดแทรกขึ้นมาด้วยว่า “ปีหน้ามั้ง”
เมื่อถามว่าจะมีการนำข้อมูลที่ได้ไปให้ฝ่ายค้าน เพื่อทำการซักฟอกรัฐมนตรีหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่มีสังกัด เราก็ทำของเรา เขาก็ทำของเขา เราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งต้องตั้งมั่นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความยุติธรรม เรื่องนี้เราตอบไม่ได้ และเราไม่ได้มีความคิดที่จะทำ
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปเป็นกรอบญัตติของการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย นายมงคล หัวเราะ ส่ายหน้า ก่อนกล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิ์ของแต่ละคน เราตอบเรื่องนี้ไม่ได้
เมื่อถามถึงการโต้ตอบของฝ่ายบริหารและวุฒิสภา จะถูกมองเป็นความขัดแย้งของสามเสาหลัก หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องของการปกป้อง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปกป้อง ย้ำว่า เราไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวมีการโทรล็อบบี้คณะกรรมการคดีพิเศษนั้น นายมงคล กล่าวว่า ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเข้าสู่กระบวนการใช่หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรายังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อถามถึงการ ระบุ ใช้ข้อหาอั้งยี่ ที่อาจมีกระบวนการฉ้อฉลนั้น ถือว่าใช้คำแรงไปหรือไม่ ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา หัวเราะ จากนั้น นายบุญส่ง กล่าวว่า ความรู้สึกของวิญญูชนเป็นเช่นไร ก็คงดำเนินการตามกฎหมาย