ยูโอบี โชว์ผลประกอบการปี 67 กำไรนิวไฮ ประกาศปันผล 92 เซนต์ต่อหุ้น
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า กลุ่มธนาคารยูโอบีรายงานผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการจึงได้เสนอจ่ายเงินปันผลที่ 92 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ 88 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 จะเป็น 1.80 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ประมาณร้อยละ 50
ภายใต้กลยุทธ์การกระจายทุนของธนาคาร คณะกรรมการจึงได้ประกาศแผนมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อคืนทุนส่วนเกินในระยะเวลาสามปีข้างหน้า แผนดังกล่าวประกอบด้วยเงินปันผลพิเศษและการซื้อหุ้นคืน โดยในปี 2568 ธนาคารจะเสนอจ่ายเงินปันผลพิเศษ 50 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นทุนส่วนเกินมูลค่า 800 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 90 ปีของธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เปิดตัวโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์
ในปี 2567 กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิยังคงทรงตัวที่ 9.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งร้อยละ 5 ช่วยชดเชยผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่มีต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคาร รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่งที่เป็นตัวเลขสองหลัก ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่แข็งแกร่งขึ้น และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมั่นคง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ร้อยละ 1.5
ผลดำเนินการโดยรวมของกลุ่มลูกค้าองค์กรยังคงมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง โดยสินเชื่อเพื่อการค้าดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน ธุรกิจธุรกรรมทางการเงินของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากกลุ่มลูกค้าลูกค้าองค์กร นอกจากนี้ รายได้จากการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสี่ของรายได้จากกลุ่มลูกค้าองค์กร
กลุ่มลูกค้ารายย่อยยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2567 รายได้จากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตยังคงแข็งแกร่งและเติบโตที่อัตราร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับการสนับสนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงเติบโตและแฟรนไชส์ในภูมิภาคที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รายได้จากการบริหารจัดการความมั่งคั่งดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ดีขึ้น กลุ่มธนาคารยูโอบียังคงเห็นการไหลเข้าของเงินใหม่สุทธิที่แข็งแกร่ง ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของลูกค้าผู้มีมูลค่าสินทรัพย์สูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 แสนล้านเหรียญสิงคโปร์ เติบโตขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ในปี 2567 ธนาคารมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 850,000 ราย โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าที่ได้มาผ่านช่องทางดิจิทัล ณ สิ้นปี 2567 ฐานลูกค้ารายย่อยของธนาคารทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนเกือบ 8.4 ล้านราย
กลุ่มธนาคารยูโอบียังคงเดินหน้าขับเคลื่อนวาระด้านความยั่งยืนในปี 2567 โดยในเดือนพฤศจิกายน 2567 ธนาคารได้ออกรายงานความคืบหน้าฉบับที่สองเกี่ยวกับคำมั่นในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และทุกภาคอุตสาหกรรมสำคัญมีความคืบหน้าอย่างดี โดยเฉพาะในภาคพลังงาน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 พอร์ตสินเชื่อด้านความยั่งยืนของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 อยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราในเส้นทางสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม