นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่น่าจะแย่ไปกว่าปีที่แล้ว มองว่าจีดีพีอยู่ในกรอบ 2.5-3% ซึ่งตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไปต่อได้ อย่าง การท่องเที่ยว และส่งออก ขณะที่นโยบายการเงินอยู่ในช่วงผ่อนคลาย การลดดอกเบี้ยน่าจะได้เห็น 1 ครั้งในปีนี้
ส่วนภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลก และประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง หรือ เวลธ์ เมเนจเมนต์ (Wealth Management) ในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
ไทยพาณิชย์มองเห็นถึงโอกาสจากการเติบโตของตลาดและจากการเป็นสถาบันทางการเงินอันดับต้นๆ ของไทย ทำให้ธนาคารสามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร ที่สำคัญธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง นับเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่สร้างการเติบโตให้กับธนาคาร
ผลดำเนินงานด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งปี 2567 ที่ผ่านมา ยังคงมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในทุกด้าน สะท้อนจากความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับธนาคารในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุนสินทรัพย์ด้านให้คำแนะนำ (Asset Under Advisory) เพิ่มขึ้น 10% ยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ (Wealth Lending) และโซลูชั่นการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ความคุ้มครอง ผ่านช่องทางธนาคาร
ในปีนี้จึงได้วางเป้าหมายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งภายใต้แนวคิด “Your Success. Our Success.” นำเสนอโซลูชั่นด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวมโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และรวมศักยภาพจากบริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบีเอ็กซ์ (SCBX) และพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย ในการให้คำปรึกษา ในการนำเสนอโซลูชั่นบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเอสซีบี เวลธ์ จำนวนกว่า 500,000 ราย
“แม้ว่าขณะนี้ตลาดเงิน ตลาดทุน และเศรษฐกิจไทยจะมีความผันผวน แต่เชื่อมั่นว่าเวลธ์จะเข้าถึงคนไทยมากขึ้นในปีหน้า ทำให้ไทยพาณิชย์จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายสำคัญของในการเป็นธนาคารที่เป็นอันดับหนึ่งด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ภายในปี 2569 โดยลูกค้าในการบริหารจัดการในส่วนของการลงทุนสินทรัพย์ด้านให้คำแนะนำเติบโตตัวเลข 2 หลัก จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity เติบโตกว่า 2 เท่า หรือ 140,000 ล้านบาท ปัจจุบัน 70,000 ล้านบาท ลูกค้าแอคทีฟด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% จากปัจจุบัน 15% และสินทรัพย์การลงทุนสกุลเงินต่างประเทศเติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท”